สรุปสเปก Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับนักผจญภัยที่ฟีเจอร์ครบครันที่สุด ในราคา 31,900 บาท


Contents
สรุปสเปก Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับนักผจญภัยที่ฟีเจอร์ครบครันที่สุด ในราคา 31,900 บาท
ตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 หลายคนให้ความสำคัญกับ iPhone 14 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็มีอีกเครื่องที่เปิดตัวพร้อมกันคือ Apple Watch รุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Apple Watch Series 8, Apple Watch SE และ Apple Watch Ultra ซึ่งก็คือ รุ่นท็อป. อีกหนึ่งรุ่น ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอ ความแรง ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สำหรับกีฬาทุกประเภท และยังมีแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนานกว่า Apple Watch ทุกรุ่น เรียกได้ว่าเป็นรุ่นเทพในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่หลักๆ ก็คือใช้สำหรับนักกีฬาและนักผจญภัยอยู่ดี ซึ่งรุ่นนี้มีราคาเกือบเท่า iPhone 14 แถมยังมีข่าวว่าเป็นชื่อรุ่นนำร่องที่อาจจะมี iPhone 15 Ultra ก็เป็นได้ ซึ่งวันนี้ Specphone จะมาสรุปสเปคให้ฟังกัน ของ Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับสาย Extreme สเปกของรุ่นนี้เป็นอย่างไร? ซึ่งถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนที่สุดสำหรับ Apple Watch ทุกรุ่นที่มีจำหน่ายในราคา 31,900 บาท
- สไตล์ที่อยู่อาศัย
- หน้าจอ
- ประสิทธิภาพและคุณสมบัติ
- สายรัด แบตเตอรี่ และราคา
เครื่องแรงพร้อมลุยทุกสถานการณ์

เรามาเริ่มกันที่สเปคของ Apple Watch Ultra รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่ทำออกมาให้แข็งแกร่งพร้อมปกป้องสำหรับนักสู้ตัวจริง ด้วยตัวเครื่องที่ใช้วัสดุไทเทเนียมที่แข็งแกร่ง กันฝุ่น IP6X และกันน้ำลึก 100 เมตร ด้วยขนาดตัวเรือน 49 mm. มีขนาดและสีเดียวคือสีไททาเนียมธรรมชาติ กรอบยกขึ้นจากกรอบล้อมรอบคริสตัลแซฟไฟร์แบบแบน เพื่อป้องกันการกระแทกจากกรอบ และยังมาพร้อมปุ่มด้านข้างแบบนูน (นูน) พร้อม Digital Crown หรือเม็ดมะยมที่ใหญ่กว่าทุกรุ่น เพื่อให้สะดวกยิ่งขึ้นแม้สวมถุงมือ

ตัวเรือน Apple Watch Ultra ทางด้านขวามีไมโครโฟน 3 ตัวด้วยการขึ้นรูปลำแสงมีการตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม ปุ่มด้านข้างเพื่อเรียกใช้คุณสมบัติด้านความปลอดภัย Digital Crown ขนาดใหญ่ และมาตรวัดความลึกที่วัดแบบเรียลไทม์ได้ถึง 40 เมตรพร้อมกับอุณหภูมิของน้ำ ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีตัวรับสัญญาณ GPS ที่ให้ตำแหน่งที่แม่นยำ ลำโพงสองตัวสำหรับเพิ่มระดับเสียง และปุ่มการทำงานสีส้มสำหรับปรับแต่งฟังก์ชั่นต่างๆ หรือกดค้างเพื่อเปิดไซเรนแล้วชี้ไปที่ลำโพงไซเรนที่ส่งเสียง 86 เดซิเบลหรือได้ยินห่างออกไปประมาณ 180 เมตรเพื่อขอความช่วยเหลือ รุ่นนี้มีรุ่นเดียวคือ GPS + Cellular เท่านั้น
จอใหญ่และสว่างกว่าทุกรุ่น

นอกจากความแข็งแรงของตัวเรือนด้านนอกแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน และที่สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับขาลุยก็คือหน้าจอของ Apple Watch Ultra ที่เป็นหน้าจอ LTPO OLED Retina พร้อมเปิดตลอดเวลา บนพื้นที่แสดงผลมากถึง 1,185 ตร.มม. และพื้นที่หน้าจอมากกว่า Apple Watch SE เกือบ 27% ทำให้สามารถแสดงมาตรวัดต่างๆ กันมากขึ้น ซึ่งรุ่นนี้มีความสว่างของหน้าจอที่สว่างกว่ารุ่นอื่นๆ ถึง 2 เท่าให้ความสว่างสูงถึง 2,000 นิต นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดค้นหาเส้นทางพร้อมเข็มทิศแบบเรียลไทม์ และสามารถหมุน Digital Crown เพื่อเปิดใช้งานโหมดกลางคืนได้ทันทีเช่นกัน
ประสิทธิภาพและฟีเจอร์ครบครันกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา

สำหรับประสิทธิภาพของ Apple Watch Ultra แน่นอนว่าความลื่นไหลหรือการใช้งานต้องดีเยี่ยมด้วยชิป S8 SiP ที่มีโปรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ 64 บิต พร้อมด้วยชิปไร้สาย W3 และ U1 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน มากที่สุดกว่า Apple Watch ทุกรุ่นที่เคยมีมา ก่อนอื่นรุ่นนี้สามารถบอกค่าต่าง ๆ ได้ถึง 6 ค่าพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดหรือข้อมูลเชิงลึกสำหรับการออกกำลังกายด้วยแอพฟิตเนสที่อัพเดทใหม่ โซนอัตราการเต้นของหัวใจที่ปรับแต่งได้ ฟอร์มการวิ่ง หรือกำลังการวิ่งตามการใช้งานของคุณ นอกจากนี้ยังมีปุ่มการทำงานที่แม่นยำและปุ่มที่ปรับแต่งได้เพื่อควบคุมการออกกำลังกายของคุณ

ในแง่ของ GPS รุ่นนี้ใช้ GPS แบบความถี่คู่ใหม่เพื่อความแม่นยำ และเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ด้วยโมเดลนี้ใช้ GPS ในพื้นที่ L1 และ L5 ที่สามารถเข้าถึงได้แม้มีตึกสูง ใต้ต้นไม้ หรือที่บดบังสัญญาณดาวเทียมและยังช่วยลดความผิดพลาดได้อีกด้วย ซึ่งบริเวณ L1 และ L5 จะอยู่บริเวณเสาอากาศที่ออกแบบใหม่ เพื่อให้มีช่วงการใช้งานที่กว้างขึ้น เมื่อทั้งสองความถี่ทำงานพร้อมกัน ข้อมูลระยะทางสามารถรวมกันได้ เวลาเฉลี่ยและการคำนวณเส้นทางที่แม่นยำที่สุด นอกจากนี้ยังนำข้อมูลจาก Apple Maps มารวมกันเพื่อระบุตำแหน่งที่แม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยโมเดลและอัลกอริทึมขั้นสูงเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากดาวเทียม

อีกอย่างที่รุ่นนี้ทำออกมาใหม่เข็มทิศที่ออกแบบใหม่ มุมมองและฟังก์ชันใหม่ทั้งหมดที่บอกเล่าด้วยข้อมูลด้วยมุมมองดิจิทัลที่อัปเดตองศา ทิศทาง และทิศทางอย่างต่อเนื่อง เราสามารถหมุน Digital Crown เพื่อซูมเข้าและออกได้ เพื่อดูระดับความสูง ความชัน ลองติจูด และละติจูดได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถกำหนดจุดจากจุดอ้างอิงเข็มทิศที่ปักหมุดไว้ได้ทันที เพียงแตะที่ไอคอนและวางไว้ตรงจุดนั้น ตามต้องการแล้วตั้งชื่อจุดอ้างอิง พร้อมเพิ่มไอคอนและหมวดสีให้ด้วย ในส่วนของการติดตามการเดินในสถานที่ต่างๆ แอพฯ ก็มีฟีเจอร์ติดตามการเดิน ที่สามารถพาเรากลับทางเดิมได้ หรือจะใช้ GPS นำทางเพื่อสร้างเส้นทางเองก็ได้ ไม่ว่าพื้นที่นั้นสัญญาณจะแย่แค่ไหน ด้วยการใช้ปุ่มสั่งงานปุ่มเดียวจบ นอกจากนี้ยังสามารถกดปุ่มการทำงานสีส้มเพื่อส่งเสียงไซเรน 86 เดซิเบลได้ไกลถึง 180 เมตรเคย

สำหรับสายดำน้ำก็ปลอดภัย เพราะ Apple Watch Ultra รุ่นนี้สามารถผ่านการรับรอง EN13319 อุปกรณ์ดำน้ำมาตรฐานสากลที่สามารถวัดความลึกที่บอกข้อมูลและฟังก์ชั่นต่างๆ สำหรับการดำน้ำลึกได้ถึง 40 เมตร เหมาะสำหรับการดำน้ำทั่วไปหรือกิจกรรมใต้น้ำต่างๆ ที่บอกตลอดเวลา ความลึกแบบเรียลไทม์ อุณหภูมิ เวลาที่ใช้ใต้น้ำ และความลึกที่สุดที่เราเคยไปถึง แอพสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติทันทีที่ลงไปใต้ผิวน้ำ แม้อยู่ในน้ำก็ควบคุมได้โดยใช้ปุ่มสั่งงานสีส้ม เพียงตั้งโปรแกรมการดำเนินการเพื่อเริ่มต้นหรือกำหนดทิศทางด้วยแอป Oceanic+ ซึ่งมีคุณสมบัติที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับนักดำน้ำ
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติและเซ็นเซอร์การใช้งานอื่นๆ การสนับสนุนเพิ่มเติมรวมถึง
- การติดตามอุณหภูมิ
- การติดตามการนอนหลับและการติดตามการเดิน
- แจ้งเตือนสุขภาพหัวใจและอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วและช้า
- การอ่านค่าออกซิเจนในเลือด
- การตรวจจับการล้มและการชน
- โทรฉุกเฉินทั่วโลก
- การติดตามประจำเดือนโดยการทำนายการตกไข่ตามข้อมูลในอดีต
- การตรวจสอบเสียงรบกวน
- เชื่อมต่อทุกสิ่งด้วยเซลลูล่าร์
สายลุยตัวจริงกับแบตอึดๆ
สุดท้ายกับเรื่องราวของสาย Apple Watch Ultra รุ่นนี้มีจำหน่าย 3 สายสำหรับนักสู้ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะขึ้นเขา วิ่ง หรือดำน้ำ ตามการใช้งานทั้งหมด (หรือซื้อสายอื่นมาเพิ่มก็ได้เช่นกัน)

- ประการแรกคืออัลไพน์ลูป ซึ่งเป็นสายผ้าถักสองชั้นแบบไร้รอยต่อ น้ำหนักเบา ทนทาน มาพร้อมตะขอไทเทเนี่ยมรูปตัว G ที่ทนทานและปรับได้ง่ายดาย พร้อมห่วงพยุงเพื่อความแข็งแรง
- ประเภทที่สองคือเทรลลูป สายถักสำหรับนักวิ่งสวมใส่สบาย และมีความยืดหยุ่นด้วยสายดึง เพื่อการปรับที่ง่ายไม่ว่าจะวิ่งหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ ผ้ายังสามารถยืดได้เยอะเพื่อให้พอดีกับข้อมือ
- แบบสุดท้ายคือประเภท Ocean Band สายรัดฟลูออโรอิลาสโตเมอร์สำหรับนักดำน้ำ หรือทำกิจกรรมในน้ำด้วยน้ำหนักที่เบาและคล่องตัว พร้อมหัวเข็มขัดไททาเนียมและห่วงสปริงเพื่อความกระชับพอดี แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมความเร็วสูงก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังมีสายยาวเพื่อรองรับชุดเว็ทสูทที่มีน้ำหนักมาก
ส่วนแบตเตอรี่รุ่นนี้เป็นรุ่นที่อึดสุดๆ เพราะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 36 ชม. และเร็วๆ นี้จะมีโหมดประหยัดพลังงานที่ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 60 ชม. อีกด้วย โดยรุ่นนี้มีราคาเดียวสำหรับรุ่น GPS + Cellular ราคา 31,900 บาท สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Apple
และทั้งหมดนี้คือสเปกของ Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์ตัวท็อปรุ่นล่าสุดจาก Apple สำหรับสายแอคชั่นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับสายเอ็กซ์ตรีมหรือนักกีฬาที่ต้องลุย ทุกที่ด้วยจุดเด่นของตัวเรือน ที่ออกแบบหน้าจอและคุณสมบัติการใช้งานและการเข้าถึงโดยเฉพาะเพื่อให้สะดวกที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วใคร ๆ ก็สามารถซื้อมาใช้งานทั่วไปได้เช่นกัน แต่ขนาดของเคสอาจจะใหญ่เกินไปที่จะใช้งานในชีวิตประจำวัน ชีวิตเมื่อใช้งาน Apple Watch Series 8 ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าใครเป็นนักสู้หรือนักกีฬาในสนามต่าง ๆ และต้องการประสิทธิภาพสูงสุด รุ่นนี้เหมาะที่สุดในตอนนี้
ขอบคุณภาพและข้อมูลทั้งหมดจาก : Apple
Read More
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
[rule_3_plain]
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
สรุปสเปค Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับสายลุย ที่มีฟีเจอร์ครบที่สุดแล้วในราคา 31,900 บาทตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมาหลายคนก็มุ่งความสนใจไปให้กับ iPhone 14 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาเป็นรุ่นล่าสุด แต่ว่าก็มีอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปิดตัวออกมาพร้อมๆ กันนั่นก็คือ Apple Watch รุ่นใหม่ที่เปิดตัวทีเดียวพร้อมกันหมด 3 รุ่นได้แก่ Apple Watch Series 8, Apple Watch SE และ Apple Watch Ultra ที่เป็นรุ่นตัวท็อปกว่ารุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นขนาด หน้าจอ ความแข็งแรง ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์กีฬาสายลุยทั้งหลาย และยังมีแบตเตอรี่รองรับการใช้งานที่ยาวนานกว่าทุกรุ่นของ Apple Watch เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่เป็นตัวเทพในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่จุดประสงค์หลักๆ ก็คือการใช้งานสำหรับนักกีฬาและนักผจญภัยสายลุยอยู่ดี ซึ่งรุ่นนี้ก็มีราคาเกือบจะแตะเท่า iPhone 14 อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีข่าวแว่วมาว่าเป็นชื่อรุ่นนำร่องที่อาจจะมี iPhone 15 Ultra ตามมาก็เป็นได้ วันนี้ทาง Specphone ก็เลยจะมาสรุปสเปคของ Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับสายลุยสายเอกซ์ตรีมรุ่นนี้มีสเปคเป็นยังไงบ้าง ที่ถือว่ามีฟีเจอร์ครบที่สุดสำหรับ Apple Watch ทุกรุ่นที่มีอยู่ในราคา 31,900 บาทรูปแบบของตัวเรือนหน้าจอประสิทธิภาพการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆรูปแบบสาย แบตเตอรี่และราคาตัวเครื่องแข็งแกร่งพร้อมลุยทุกสถานการณ์credit: Appleเริ่มต้นกันที่สเปคตัวเครื่องของ Apple Watch Ultra กันก่อนเลย ที่รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้แข็งแกร่งพร้อมป้องกันสำหรับสายลุยอย่างแท้จริง ด้วยตัวเครื่องที่ใช้วัสดุไทเทเนียมมีความแข็งแรง ทนฝุ่นที่ระดับ IP6X ทนน้ำได้ 100 เมตร กับขนาดตัวเรือน 49 มม. มีขนาดและสีเดียวคือสีไทเทเนียมธรรมชาติ พร้อมตัวเรือนที่ยกสูงขึ้นมาจากขอบจอล้อมรอบตัวผลึกแซฟไฟร์ที่แบนเรียบ สำหรับป้องกันการกระแทกจากขอบตัวเรือน และยังมาพร้อมกับปุ่มด้านข้างที่ยกสูงขึ้น (นูนขึ้นมา) กับ Digital Crown หรือเม็ดมะยมที่ใหญ่กว่าทุกรุ่น เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะใส่ถุงมืออยู่ก็ตามcredit: Appleโดยตัวเรือนของ Apple Watch Ultra ด้านขวาจะมีไมโครโฟน 3 ตัวพร้อมบีมฟอร์มมิ่งที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม, ปุ่มด้านข้างสำหรับเรียกคุณสมบัติด้านความปลอดภัย, Digital Crown ขนาดใหญ่ และตัววัดความลึกที่วัดแบบเรียลไทม์ได้ถึง 40 เมตรกับการบอกอุณภูมิของน้ำไปด้วย ส่วนด้านซ้ายของเรือนจะมีตัวรับสัญญาณ GPS ที่บอกตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ, ลำโพงสองตัวช่วยเพิ่มความดัง, ปุ่มการทำงานสีส้มสำหรับปรับแต่งการใช้งานต่างๆ หรือกดค้างเพื่อเปิดไซเรน และจุดลำโพงเสียงไซเรนที่ส่งเสียงได้ 86 เดซิเบลหรือได้ยินไกลประมาณ 180 เมตรเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยรุ่นนี้มีเพียงรุ่นเดียวคือแบบ GPS + Cellular เท่านั้นหน้าจอใหญ่และสว่างที่สุดกว่าทุกรุ่นcredit: Appleนอกจากจะมีความแข็งแกร่งของตัวเรือนภายนอกแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ช่วยให้การใช้งานนั้นดูง่าย และสะดวกมากขึ้นสำหรับสายลุยก็คือหน้าจอของ Apple Watch Ultra ที่เป็นหน้าจอ Retina แบบ LTPO OLED พร้อม Always-on บนพื้นที่แสดงผลถึง 1,185 ตร.มม. และมีพื้นที่หน้าจอมากกว่า Apple Watch SE เกือบ 27% ทำให้สามารถแสดงค่าวัดต่างๆ พร้อมกันได้มากขึ้น ซึ่งรุ่นนี้ก็มีความสว่างหน้าจอที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ ถึง 2 เท่าที่ความสว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ที่มีเข็มทิศแบบเรียลไทม์ และสามารถหมุน Digital Crown เพื่อเปิดใช้โหมดกลางคืนได้ทันทีอีกด้วยประสิทธิภาพ และฟีเจอร์แบบจัดเต็มกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาcredit: Appleสำหรับประสิทธิภาพการทำงานของ Apple Watch Ultra นั้นแน่นอนว่าทางด้านความไหลลื่นหรือการใช้งานต้องดีเยี่ยมอยู่แล้วด้วยชิป SiP รุ่น S8 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core 64 บิต พร้อมชิปไร้สาย W3 และ U1 ที่มากับฟีเจอร์ครบมากที่สุดกว่าทุกรุ่นของ Apple Watch เลยทีเดียว อย่างแรกเลยก็คือรุ่นนี้สามารถบอกค่าต่างๆ ได้สูงสุดถึง 6 ค่าพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดหรือข้อมูลเชิงลึกต่างๆ สำหรับการออกกำลังกายด้วยแอพออกกำลังกายที่อัพเดทมาใหม่ทั้ง โซนอัตราการเต้นของหัวใจ, ฟอร์มการวิ่ง หรือพลังงานการวิ่งที่ปรับแต่งได้ตามการใช้งานของตัวเอง อีกทั้งยังมีปุ่มการทำงานที่แม่นยำและปรับแต่งปุ่มเพื่อควบคุมการออกกำลังกายได้ด้วยcredit: Appleในด้านของ GPS รุ่นนี้ก็ได้มีการใช้ GPS ใหม่แบบสองคลื่นความถี่เพื่อความแม่นยำ และช่วยให้เข้าถึงได้ทุกพื้นที่โดยรุ่นนี้ใช้ GPS ย่าน L1 และย่าน L5 ที่สามารถเข้าถึงได้แม้ว่าจะอยู่ที่มีตึกสูง ใต้ต้นไม้ หรือที่ที่บดบังสัญญาณดาวเทียมทั้งหลายและยังช่วยลดความผิดพลาดต่างๆ ด้วย ซึ่งย่าน L1 และ L5 นี้จะอยู่ในสายอากาศที่ดีไซน์มาใหม่ เพื่อให้มีระยะการใช้งานที่กว้างไกลมากขึ้น เมื่อทั้งคลื่นความถี่ทำงานพร้อมกันก็จะสามารถรวมข้อมูลระยะทาง เวลาโดยเฉลี่ย และการคำนวณเส้นทางที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลจาก Apple Maps มาใช้ร่วมกันเพื่อระบุตำแหน่งได้ดีขึ้น พร้อมโมเดลและอัลกอริทึมขั้นสูงที่จะใช้ประโยชน์จากดาวเทียมได้มากที่สุดcredit: Appleอีกหนึ่งสิ่งที่รุ่นนี้ทำออกมาใหม่ก็คือเข็มทิศที่ออกแบบใหม่ ทั้งมุมมองและฟังก์ชั่นแบบใหม่ทั้งหมด ที่มีการบอกข้อมูลด้วยมุมมองดิจิทัลที่อัพเดทองศาทิศและทิศทางอย่างต่อเนื่อง โดยเราสามารถหมุน Digital Crown เพื่อซูมเข้า-ออก เพื่อดูระดับความสูง ความชัน ลองจิจูด และละติจูดได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถกำหนดจุดจากจุดอ้างอิงเข็มทิศที่ปักหมุดลงไปได้เลย เพียงแค่แตะไอคอนและมาวางบนจุดต่างๆ ตามที่ต้องการ จากนั้นก็ตั้งชื่อจุดอ้างอิง พร้อมใส่ไอคอนและหมวดหมู่ของสีได้อีกด้วย ส่วนการติดตามการเดินไปในที่ต่างๆ ตัวแอพก็มีคุณสมบัติการติดตามการเดิน ที่สามารถพาเราย้อนกลับไปทางเดิมได้ หรือจะใช้เส้นทางจาก GPS เพื่อสร้างเส้นทางขึ้นมาเองก็ยังได้ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณแค่ไหนก็ตาม ด้วยการใช้ปุ่มการทำงานเพียงปุ่มเดียวก็ทำได้แล้ว นอกจากนี้ปุ่มการทำงานสีส้มก็ยังสามารถกดค้าง เพื่อเปิดเสียงไซเรน 86 เดซิเบลที่ไกลสูงสุดถึง 180 เมตรเลยทีเดียวcredit: Appleสำหรับสายดำน้ำลึกก็หายห่วง เพราะว่า Apple Watch Ultra รุ่นนี้ได้ผ่านการรับรอง EN13319 มาตรฐานสากลสำหรับอุปกรณ์เสริมในการดำน้ำ ที่สามารถวัดความลึกที่บอกข้อมูลและฟังก์ชั่นต่างๆ สำหรับการดำน้ำที่ลงลึกได้ถึง 40 เมตร เหมาะกับการดำน้ำทั่วไปหรือกิจกรรมใต้น้ำต่างๆ ที่มีการบอกทั้งเวลา ความลึกแบบเรียลไทม์ อุณหภูมิ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และความลึกสูงสุดที่เราเคยไปถึง โดยตัวแอพสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติทันทีเมื่อลงไปยังใต้ผิวน้ำเลย ถึงแม้ว่าจะลงไปอยู่ในน้ำแล้วก็ยังควบคุมได้ด้วยการใช้ปุ่มการทำงานสีส้ม เพียงตั้งโปรแกรมการทำงานให้เริ่มใช้หรือตั้งทิศทางด้วยแอพ Oceanic+ ที่มีครบทุกคุณสมบัติสำคัญสำหรับนักดำน้ำนอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติและเซนเซอร์การใช้งานอื่นๆ รองรับอีกเพียบได้แก่การติดตามค่าอุณหภูมิการติดตามการนอนหลับ และการติดตามการเดินการแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้าการอ่านค่าออกซิเจนในเลือดการตรวจจับการล้ม และการชนกันการโทรฉุกเฉินทั่วโลกการติดตามรอบเดือนด้วยการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลังการตรวจสอบเสียงรบกวนการเชื่อมต่อกับทุกอย่างด้วยระบบเซลลูลาร์สายของสายลุยอย่างแท้จริง พร้อมแบตอึดๆปิดท้ายด้วยเรื่องของสายของ Apple Watch Ultra ที่รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สายสำหรับสายลุยต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขา วิ่ง หรือดำน้ำตามการใช้งานครบทั้งหมด (หรือจะซื้อสายอื่นๆ เพิ่มก็ได้เหมือนกัน)credit: Appleอย่างแรกคือสายแบบ Alpine Loop ที่เป็นสายผ้าถักสองชั้นแบบไร้ตะเข็บ น้ำหนักเบาทนทาน มาพร้อมตะขอไทเทเนียมรูปตัว G ที่ทนและปรับสายได้ง่ายๆ เข้ากับห่วงที่รองรับเพื่อความแข็งแรงแบบที่สองคือแบบ Trail Loop สายผ้าถักสำหรับนักวิ่งที่ใส่ได้สบาย และมีความยืดหยุ่นด้วยสายแบบดึงลอดห่วง เพื่อปรับได้แบบง่ายๆ ไม่ว่าจะวิ่ง หรือออกกำลังกายอยู่ก็ตาม อีกทั้งตัวผ้ายังสามารถยืดได้มากเป็นพิเศษทำให้รัดได้พอดีเข้ากับข้อมือแบบสุดท้ายคือแบบ Ocean Band สายยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์สำหรับนักดำน้ำ หรือทำกิจกรรมในน้ำ ด้วยน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น พร้อมตัวล็อคไทเทเนียมและห่วงแบบสปริงที่คล้องกันได้แน่นกระชับ ถึงแม้ว่าจะเป็นกิจกรรมความเร็วสูงก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีสายยาวเพื่อรองรับเว็ทสูทหนาๆ ได้อีกด้วยส่วนแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่มีความอึดมากที่สุดแล้ว เพราะว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 36 ชม. และในเร็วๆ นี้ก็จะมีโหมดประหยัดพลังงานที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 60 ชม. อีกด้วย โดยรุ่นนี้มีราคาเดียวสำหรับรุ่น GPS + Cellular ที่ราคา 31,900 บาท สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Appleและทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคของ Apple Watch Ultra สมาร์วอทช์รุ่นตัวท็อปใหม่ล่าสุดของ Apple สำหรับสายลุย ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนทุกการใช้งานสำหรับสายเอกซ์ตรีมหรือนักกีฬาที่ต้องบุกลุยไปทุกที่ ด้วยความแข็งแรงของตัวเรือน หน้าจอที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ และฟีเจอร์การใช้งานกับการเข้าถึงเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วใครจะซื้อมาใช้งานทั่วไปก็ยังได้เหมือนกัน แต่ขนาดตัวเรือนอาจจะใหญ่เกินไปที่จะใช้ในชีวิตประจำวันที่ใช้งาน Apple Watch Series 8 ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าใครเป็นสายลุยหรือนักกีฬาด้านต่างๆ และต้องการประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด รุ่นนี้จะเหมาะมากที่สุดแล้วในตอนนี้ขอบคุณภาพ และข้อมูลทั้งหมดจาก: Apple jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘341390’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘341390’});
});
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
[rule_2_plain]
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
[rule_2_plain]
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
[rule_3_plain]
#สรปสเปก #Apple #Watch #Ultra #สมารทวอทชสำหรบนกผจญภยทฟเจอรครบครนทสด #ในราคา #บาท
สรุปสเปค Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับสายลุย ที่มีฟีเจอร์ครบที่สุดแล้วในราคา 31,900 บาทตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมาหลายคนก็มุ่งความสนใจไปให้กับ iPhone 14 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาเป็นรุ่นล่าสุด แต่ว่าก็มีอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เปิดตัวออกมาพร้อมๆ กันนั่นก็คือ Apple Watch รุ่นใหม่ที่เปิดตัวทีเดียวพร้อมกันหมด 3 รุ่นได้แก่ Apple Watch Series 8, Apple Watch SE และ Apple Watch Ultra ที่เป็นรุ่นตัวท็อปกว่ารุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็นขนาด หน้าจอ ความแข็งแรง ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์กีฬาสายลุยทั้งหลาย และยังมีแบตเตอรี่รองรับการใช้งานที่ยาวนานกว่าทุกรุ่นของ Apple Watch เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่เป็นตัวเทพในตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่จุดประสงค์หลักๆ ก็คือการใช้งานสำหรับนักกีฬาและนักผจญภัยสายลุยอยู่ดี ซึ่งรุ่นนี้ก็มีราคาเกือบจะแตะเท่า iPhone 14 อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีข่าวแว่วมาว่าเป็นชื่อรุ่นนำร่องที่อาจจะมี iPhone 15 Ultra ตามมาก็เป็นได้ วันนี้ทาง Specphone ก็เลยจะมาสรุปสเปคของ Apple Watch Ultra สมาร์ทวอทช์สำหรับสายลุยสายเอกซ์ตรีมรุ่นนี้มีสเปคเป็นยังไงบ้าง ที่ถือว่ามีฟีเจอร์ครบที่สุดสำหรับ Apple Watch ทุกรุ่นที่มีอยู่ในราคา 31,900 บาทรูปแบบของตัวเรือนหน้าจอประสิทธิภาพการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆรูปแบบสาย แบตเตอรี่และราคาตัวเครื่องแข็งแกร่งพร้อมลุยทุกสถานการณ์credit: Appleเริ่มต้นกันที่สเปคตัวเครื่องของ Apple Watch Ultra กันก่อนเลย ที่รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้แข็งแกร่งพร้อมป้องกันสำหรับสายลุยอย่างแท้จริง ด้วยตัวเครื่องที่ใช้วัสดุไทเทเนียมมีความแข็งแรง ทนฝุ่นที่ระดับ IP6X ทนน้ำได้ 100 เมตร กับขนาดตัวเรือน 49 มม. มีขนาดและสีเดียวคือสีไทเทเนียมธรรมชาติ พร้อมตัวเรือนที่ยกสูงขึ้นมาจากขอบจอล้อมรอบตัวผลึกแซฟไฟร์ที่แบนเรียบ สำหรับป้องกันการกระแทกจากขอบตัวเรือน และยังมาพร้อมกับปุ่มด้านข้างที่ยกสูงขึ้น (นูนขึ้นมา) กับ Digital Crown หรือเม็ดมะยมที่ใหญ่กว่าทุกรุ่น เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะใส่ถุงมืออยู่ก็ตามcredit: Appleโดยตัวเรือนของ Apple Watch Ultra ด้านขวาจะมีไมโครโฟน 3 ตัวพร้อมบีมฟอร์มมิ่งที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม, ปุ่มด้านข้างสำหรับเรียกคุณสมบัติด้านความปลอดภัย, Digital Crown ขนาดใหญ่ และตัววัดความลึกที่วัดแบบเรียลไทม์ได้ถึง 40 เมตรกับการบอกอุณภูมิของน้ำไปด้วย ส่วนด้านซ้ายของเรือนจะมีตัวรับสัญญาณ GPS ที่บอกตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ, ลำโพงสองตัวช่วยเพิ่มความดัง, ปุ่มการทำงานสีส้มสำหรับปรับแต่งการใช้งานต่างๆ หรือกดค้างเพื่อเปิดไซเรน และจุดลำโพงเสียงไซเรนที่ส่งเสียงได้ 86 เดซิเบลหรือได้ยินไกลประมาณ 180 เมตรเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยรุ่นนี้มีเพียงรุ่นเดียวคือแบบ GPS + Cellular เท่านั้นหน้าจอใหญ่และสว่างที่สุดกว่าทุกรุ่นcredit: Appleนอกจากจะมีความแข็งแกร่งของตัวเรือนภายนอกแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ช่วยให้การใช้งานนั้นดูง่าย และสะดวกมากขึ้นสำหรับสายลุยก็คือหน้าจอของ Apple Watch Ultra ที่เป็นหน้าจอ Retina แบบ LTPO OLED พร้อม Always-on บนพื้นที่แสดงผลถึง 1,185 ตร.มม. และมีพื้นที่หน้าจอมากกว่า Apple Watch SE เกือบ 27% ทำให้สามารถแสดงค่าวัดต่างๆ พร้อมกันได้มากขึ้น ซึ่งรุ่นนี้ก็มีความสว่างหน้าจอที่มากกว่ารุ่นอื่นๆ ถึง 2 เท่าที่ความสว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ที่มีเข็มทิศแบบเรียลไทม์ และสามารถหมุน Digital Crown เพื่อเปิดใช้โหมดกลางคืนได้ทันทีอีกด้วยประสิทธิภาพ และฟีเจอร์แบบจัดเต็มกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาcredit: Appleสำหรับประสิทธิภาพการทำงานของ Apple Watch Ultra นั้นแน่นอนว่าทางด้านความไหลลื่นหรือการใช้งานต้องดีเยี่ยมอยู่แล้วด้วยชิป SiP รุ่น S8 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core 64 บิต พร้อมชิปไร้สาย W3 และ U1 ที่มากับฟีเจอร์ครบมากที่สุดกว่าทุกรุ่นของ Apple Watch เลยทีเดียว อย่างแรกเลยก็คือรุ่นนี้สามารถบอกค่าต่างๆ ได้สูงสุดถึง 6 ค่าพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดหรือข้อมูลเชิงลึกต่างๆ สำหรับการออกกำลังกายด้วยแอพออกกำลังกายที่อัพเดทมาใหม่ทั้ง โซนอัตราการเต้นของหัวใจ, ฟอร์มการวิ่ง หรือพลังงานการวิ่งที่ปรับแต่งได้ตามการใช้งานของตัวเอง อีกทั้งยังมีปุ่มการทำงานที่แม่นยำและปรับแต่งปุ่มเพื่อควบคุมการออกกำลังกายได้ด้วยcredit: Appleในด้านของ GPS รุ่นนี้ก็ได้มีการใช้ GPS ใหม่แบบสองคลื่นความถี่เพื่อความแม่นยำ และช่วยให้เข้าถึงได้ทุกพื้นที่โดยรุ่นนี้ใช้ GPS ย่าน L1 และย่าน L5 ที่สามารถเข้าถึงได้แม้ว่าจะอยู่ที่มีตึกสูง ใต้ต้นไม้ หรือที่ที่บดบังสัญญาณดาวเทียมทั้งหลายและยังช่วยลดความผิดพลาดต่างๆ ด้วย ซึ่งย่าน L1 และ L5 นี้จะอยู่ในสายอากาศที่ดีไซน์มาใหม่ เพื่อให้มีระยะการใช้งานที่กว้างไกลมากขึ้น เมื่อทั้งคลื่นความถี่ทำงานพร้อมกันก็จะสามารถรวมข้อมูลระยะทาง เวลาโดยเฉลี่ย และการคำนวณเส้นทางที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลจาก Apple Maps มาใช้ร่วมกันเพื่อระบุตำแหน่งได้ดีขึ้น พร้อมโมเดลและอัลกอริทึมขั้นสูงที่จะใช้ประโยชน์จากดาวเทียมได้มากที่สุดcredit: Appleอีกหนึ่งสิ่งที่รุ่นนี้ทำออกมาใหม่ก็คือเข็มทิศที่ออกแบบใหม่ ทั้งมุมมองและฟังก์ชั่นแบบใหม่ทั้งหมด ที่มีการบอกข้อมูลด้วยมุมมองดิจิทัลที่อัพเดทองศาทิศและทิศทางอย่างต่อเนื่อง โดยเราสามารถหมุน Digital Crown เพื่อซูมเข้า-ออก เพื่อดูระดับความสูง ความชัน ลองจิจูด และละติจูดได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถกำหนดจุดจากจุดอ้างอิงเข็มทิศที่ปักหมุดลงไปได้เลย เพียงแค่แตะไอคอนและมาวางบนจุดต่างๆ ตามที่ต้องการ จากนั้นก็ตั้งชื่อจุดอ้างอิง พร้อมใส่ไอคอนและหมวดหมู่ของสีได้อีกด้วย ส่วนการติดตามการเดินไปในที่ต่างๆ ตัวแอพก็มีคุณสมบัติการติดตามการเดิน ที่สามารถพาเราย้อนกลับไปทางเดิมได้ หรือจะใช้เส้นทางจาก GPS เพื่อสร้างเส้นทางขึ้นมาเองก็ยังได้ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณแค่ไหนก็ตาม ด้วยการใช้ปุ่มการทำงานเพียงปุ่มเดียวก็ทำได้แล้ว นอกจากนี้ปุ่มการทำงานสีส้มก็ยังสามารถกดค้าง เพื่อเปิดเสียงไซเรน 86 เดซิเบลที่ไกลสูงสุดถึง 180 เมตรเลยทีเดียวcredit: Appleสำหรับสายดำน้ำลึกก็หายห่วง เพราะว่า Apple Watch Ultra รุ่นนี้ได้ผ่านการรับรอง EN13319 มาตรฐานสากลสำหรับอุปกรณ์เสริมในการดำน้ำ ที่สามารถวัดความลึกที่บอกข้อมูลและฟังก์ชั่นต่างๆ สำหรับการดำน้ำที่ลงลึกได้ถึง 40 เมตร เหมาะกับการดำน้ำทั่วไปหรือกิจกรรมใต้น้ำต่างๆ ที่มีการบอกทั้งเวลา ความลึกแบบเรียลไทม์ อุณหภูมิ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และความลึกสูงสุดที่เราเคยไปถึง โดยตัวแอพสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติทันทีเมื่อลงไปยังใต้ผิวน้ำเลย ถึงแม้ว่าจะลงไปอยู่ในน้ำแล้วก็ยังควบคุมได้ด้วยการใช้ปุ่มการทำงานสีส้ม เพียงตั้งโปรแกรมการทำงานให้เริ่มใช้หรือตั้งทิศทางด้วยแอพ Oceanic+ ที่มีครบทุกคุณสมบัติสำคัญสำหรับนักดำน้ำนอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติและเซนเซอร์การใช้งานอื่นๆ รองรับอีกเพียบได้แก่การติดตามค่าอุณหภูมิการติดตามการนอนหลับ และการติดตามการเดินการแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ และอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้าการอ่านค่าออกซิเจนในเลือดการตรวจจับการล้ม และการชนกันการโทรฉุกเฉินทั่วโลกการติดตามรอบเดือนด้วยการคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลังการตรวจสอบเสียงรบกวนการเชื่อมต่อกับทุกอย่างด้วยระบบเซลลูลาร์สายของสายลุยอย่างแท้จริง พร้อมแบตอึดๆปิดท้ายด้วยเรื่องของสายของ Apple Watch Ultra ที่รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สายสำหรับสายลุยต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขา วิ่ง หรือดำน้ำตามการใช้งานครบทั้งหมด (หรือจะซื้อสายอื่นๆ เพิ่มก็ได้เหมือนกัน)credit: Appleอย่างแรกคือสายแบบ Alpine Loop ที่เป็นสายผ้าถักสองชั้นแบบไร้ตะเข็บ น้ำหนักเบาทนทาน มาพร้อมตะขอไทเทเนียมรูปตัว G ที่ทนและปรับสายได้ง่ายๆ เข้ากับห่วงที่รองรับเพื่อความแข็งแรงแบบที่สองคือแบบ Trail Loop สายผ้าถักสำหรับนักวิ่งที่ใส่ได้สบาย และมีความยืดหยุ่นด้วยสายแบบดึงลอดห่วง เพื่อปรับได้แบบง่ายๆ ไม่ว่าจะวิ่ง หรือออกกำลังกายอยู่ก็ตาม อีกทั้งตัวผ้ายังสามารถยืดได้มากเป็นพิเศษทำให้รัดได้พอดีเข้ากับข้อมือแบบสุดท้ายคือแบบ Ocean Band สายยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์สำหรับนักดำน้ำ หรือทำกิจกรรมในน้ำ ด้วยน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น พร้อมตัวล็อคไทเทเนียมและห่วงแบบสปริงที่คล้องกันได้แน่นกระชับ ถึงแม้ว่าจะเป็นกิจกรรมความเร็วสูงก็ไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมีสายยาวเพื่อรองรับเว็ทสูทหนาๆ ได้อีกด้วยส่วนแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นที่มีความอึดมากที่สุดแล้ว เพราะว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุดถึง 36 ชม. และในเร็วๆ นี้ก็จะมีโหมดประหยัดพลังงานที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 60 ชม. อีกด้วย โดยรุ่นนี้มีราคาเดียวสำหรับรุ่น GPS + Cellular ที่ราคา 31,900 บาท สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Appleและทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคของ Apple Watch Ultra สมาร์วอทช์รุ่นตัวท็อปใหม่ล่าสุดของ Apple สำหรับสายลุย ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วนทุกการใช้งานสำหรับสายเอกซ์ตรีมหรือนักกีฬาที่ต้องบุกลุยไปทุกที่ ด้วยความแข็งแรงของตัวเรือน หน้าจอที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ และฟีเจอร์การใช้งานกับการเข้าถึงเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วใครจะซื้อมาใช้งานทั่วไปก็ยังได้เหมือนกัน แต่ขนาดตัวเรือนอาจจะใหญ่เกินไปที่จะใช้ในชีวิตประจำวันที่ใช้งาน Apple Watch Series 8 ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าใครเป็นสายลุยหรือนักกีฬาด้านต่างๆ และต้องการประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด รุ่นนี้จะเหมาะมากที่สุดแล้วในตอนนี้ขอบคุณภาพ และข้อมูลทั้งหมดจาก: Apple jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘341390’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘341390’});
});