Editorial

เปรียบเทียบสเปค iPhone 12 และ iPhone 13 ณ สิ้นปี 2022 อันไหนคุ้มกว่า คุ้มกว่า ใช้งานได้นาน

ไอโฟน 12 กับ ไอโฟน 13

iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปี ซื้อรุ่นไหนดี? หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone 14 series ราคาของ iPhone รุ่นก่อนหน้าก็ลดลง ตอนนี้ iPhone 12 และ iPhone 13 มีจำหน่ายในราคาย่อมเยา วันนี้เราจะมาลองเปรียบเทียบสเปคกันดูว่าจะซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 13 รุ่นไหนดี โดยตอนนี้ iPhone 12 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 24,900 บาท ส่วนราคามือสองอยู่ที่ 15,000 – 18,000 บาท ในขณะที่ iPhone 13 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ส่วนมือสองจะอยู่ที่ 22,900 – 26,900 บาท ราคาประมาณ 5,000 บาท เป็นอย่างต่ำ เลือกรุ่นไหนถึงจะคุ้มกับเงินที่จ่ายไป ส่วนความแตกต่างของสเปคนั้นเราจะมาพูดถึงกันทีละจุด

  • ขนาด น้ำหนัก และวัสดุ
  • หน้าจอ
  • ชิปประมวลผล
  • กล่องถ่ายรูป
  • แบตเตอรี่
  • สรุป

ขนาด น้ำหนัก และวัสดุ

ไอโฟน 12: ไอโฟน 13:
ขนาด 146.7 x 71.5 x 7.4 มม. 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
น้ำหนัก 162 กรัม 173 กรัม
วัสดุ กระบังหน้าเซรามิก
อลูมิเนียมเกรดการบินและอวกาศ
กระบังหน้าเซรามิก
อลูมิเนียมเกรดการบินและอวกาศ
สี ดำ, ขาว, แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง แดง, สตาร์ไลท์, เที่ยงคืน, น้ำเงิน, ชมพู, เขียว

เมื่อพูดถึงขนาดและน้ำหนัก iPhone 12 มีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในด้านความบางและเบากว่า iPhone 13 เนื่องจากความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่ ในแง่ของความทนทาน ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอเคลือบเซรามิกและกรอบอะลูมิเนียมเหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ต่างกันเลย ในการเปรียบเทียบ iPhone 12 มีข้อได้เปรียบเหนือ iPhone 13 เล็กน้อยในแง่ของการพกพา แต่ความหนาและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นไม่มาก ใช้งานจริงก็ไม่รู้สึกอะไรนะ มีแค่บางกรณีที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้


หน้าจอ

ไอโฟน 12: ไอโฟน 13:
แผงเครื่องมือ ซูเปอร์เรตินา XDR (OLED) ซูเปอร์เรตินา XDR (OLED)
ขนาด 6.1 นิ้ว 6.1 นิ้ว
ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล 2532 x 1170 พิกเซล
ความหนาแน่น 460 ppi 460 ppi
อัตราส่วนความคมชัด 2,000,000:1 2,000,000:1
เอชดีอาร์: สนับสนุน สนับสนุน
ความสว่างสูงสุด 625 นิต 800 นิต
ความสว่างสูงสุดในท้องถิ่น (HDR) 1200 นิต 1200 นิต

ในด้านของหน้าจอนั้นเมื่อดูสเปคแล้ว iPhone 12 และ iPhone 13 นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ความแตกต่างคือความสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกได้ว่าหน้าจอแทบไม่ต้องตัดสิน แม้ว่า iPhone 13 จะมีความสว่างปกติกว่า iPhone 12 แต่เมื่อเราใช้งานจริงกลับสว่างไม่แพ้ดวงอาทิตย์อย่างแน่นอน ประเทศไทยนั้นยอดเยี่ยมมาก หน้าจอมือถือจะสว่างแค่ไหนก็หรี่ลงจนแทบไม่เห็น


ชิปประมวลผล

ไอโฟน 12: ไอโฟน 13:
ชิปประมวลผล A14 ไบโอนิค A15 ไบโอนิค
ซีพียู: ประสิทธิภาพแบบดูอัลคอร์ @3.1 GHz
ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ @1.8GHz
ประสิทธิภาพดูอัลคอร์ @3.23 GHz
ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ @1.82GHz
จีพียู: 4 แกน 4 แกน
มอเตอร์ประสาท 16 เมล็ด 8 เมล็ด
แกะ 4 กิกะไบต์ 4 กิกะไบต์
พลัง 64GB / 128GB / 256GB 128GB / 256GB / 512GB

ในแง่ของโปรเซสเซอร์ A15 Bionic จะเร็วกว่า A14 Bionic อย่างแน่นอน และชิปใหม่จะอัปเกรด A14 Bionic เพื่อพลังงานที่มากขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น การเพิ่มความเร็วของโปรเซสเซอร์ ทำให้จำนวนทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้นจาก 11.8 พันล้านเป็น 15 พันล้าน ทำให้ความเร็วในการประมวลผลเร็วขึ้น นอกจากนี้ ชิปโมเด็ม 5G ประสิทธิภาพสูงของ Snapdragon X55 ยังถูกแทนที่ด้วยชิปที่รองรับ Snapdragon X60 เพื่อให้ใช้พลังงานน้อยลง ผลลัพธ์คืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น อันที่จริงแล้วการระบายแบตเตอรี่จากการใช้ 5G บน iPhone 12 น่าจะเป็นจุดอ่อนหลัก

อีกทั้งในเรื่องความจุ iPhone 12 ที่เริ่มต้นที่ 64GB ก็ยังด้อยกว่า iPhone 13 ที่เริ่มต้นที่ 128GB เพราะ 64GB สมัยนี้ใช้ยากมาก นี่เป็นเพราะขนาดของแอปที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลหรือเกม และอื่นๆ ที่ไม่ชอบลบรูปที่ถ่ายและใช้พื้นที่มากขึ้น ดังนั้นการที่ iPhone 13 มีตัวเลือกความจุที่สูงกว่ามากจึงเป็นข้อดี


กล่องถ่ายรูป

ไอโฟน 12: ไอโฟน 13:
กล้องหลัง กว้าง: 12 MP, f/1.6, OIS
อัลตร้าไวด์: 12 MP, f/2.4
กว้าง: 12 MP, f/1.6, OIS เซ็นเซอร์ส่ง
อัลตร้าไวด์: 12 MP, f/2.4
กล้องด้านหน้า TrueDepth: 12MP, f/2.2.2 TrueDepth: 12MP, f/2.2.2
บันทึกวิดีโอ บันทึกวิดีโอ 4K ที่ 24fps, 25fps, 30fps หรือ 60fps
บันทึกวิดีโอ HDR ในระบบ Dolby Vision สูงสุด 4K 30fps
บันทึกวิดีโอ 4K ที่ 24fps, 25fps, 30fps หรือ 60fps
บันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision สูงสุด 4K 30fps
ฟิวชั่นลึก กล้องด้านหน้า
กล้องหลัง
กล้องด้านหน้า
กล้องหลัง

สำหรับกล้องทั้งสองใช้กล้องตัวเดียวกัน แต่ iPhone 13 จะมี Sensor-Shift OIS เพื่อความเสถียรที่ดีขึ้นซึ่งจะมีเฉพาะในรุ่น Pro Max บน iPhone 12 การถ่ายภาพ iPhone 13 พร้อมเซ็นเซอร์ -Shift จะใช้ประโยชน์จากการรักษาเสถียรภาพของกล้อง เนื่องจากจะมีการสั่นแน่นอนเมื่อใช้มือถือ Sensor-Shift จะช่วยชดเชยการสั่นนั้นทำให้เลนส์มีความเสถียรมาก แต่นั่นไม่ใช่ประโยชน์ทั้งหมด จะทำให้กล้องพังได้ เช่น ใส่ไว้ในที่วางมือถือติดรถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น แรงสั่นสะเทือนจากการวิ่งอาจทำให้กล้องเสียหายได้ ทำให้นักปั่นจักรยานแข่งไม่สามารถขับชนรถด้วย Sensor-Shift iPhone กล่าวโดยย่อ หากคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพ/วิดีโอในที่แสงน้อย iPhone 13 จะได้เปรียบ แต่ถ้าคุณไม่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ กล้องของ iPhone 12 ก็เพียงพอแล้ว


แบตเตอรี่

ไอโฟน 12: ไอโฟน 13:
ขนาด 2815 มิลลิแอมป์ 3240 มิลลิแอมป์
ระบบชาร์จไฟ PD2.0:
แม็กซ์เซฟ 15W
ชี่ 7.5W
PD2.0:
แม็กซ์เซฟ 15W
ชี่ 7.5W

ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นถ้าเทียบกันก็ไม่เป็นไรเพราะยังมีปัจจัยอื่นในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานโดยรวม รวมอยู่ในความร้อนที่เกิดจากพารามิเตอร์ต่างๆ ชิปประมวลผล หรือแม้แต่การใช้งาน ดังนั้นความหนักหนาสาหัสเทียบกันไม่ได้ แต่แล้วมันก็พยายามเล่นมากเกินไป ในแง่หนึ่ง หาก iPhone 12 เปิดใช้งาน 5G เท่านั้น อายุการใช้งานจะสั้นกว่า iPhone 13 อย่างมาก อาจกล่าวได้ว่า iPhone 12 ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากกว่า iPhone 13


ไอโฟน 12 กับ ไอโฟน 13

สรุป iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปี 2022 ซื้อรุ่นไหนดี?

iPhone 12 vs. iPhone 13 ปลายปีนี้ ซื้อรุ่นไหนดี? บอกได้คำเดียวว่าขึ้นอยู่กับเงินของเพื่อนๆ ซื้ออุปกรณ์อะไร เพราะโดยหลักการแล้ว iPhone เป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานได้นานพอสมควร หากคุณเป็นผู้ใช้ทั่วไปและไม่สนใจเรื่อง 5G หรือไม่สนใจเรื่องแบตเตอรี่หมดเร็ว iPhone 12 มือสองก็ดูน่าสนใจในราคาที่ค่อนข้างถูก แต่ถ้าคุณชอบการถ่ายภาพและจริงจังกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ iPhone 13 นั้นตอบโจทย์ แต่ราคาจะสูงกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง

กล่าวโดยสรุปคือ ถ้าคุณต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G ในราคาที่เหมาะสม ให้ไปที่ iPhone 12 แต่ควรเป็นรุ่น 128GB ขึ้นไป หากคุณต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน iPhone 13 เป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ถึงตอนนี้ราคาก็ยังดูสูงอยู่ แต่ก็จะได้ราคาที่สูงขึ้นเมื่อขายต่อ ช่วยให้เวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วเจ็บน้อยลงมาก


Read More

เปรียบเทียบสเปค iPhone 12 และ iPhone 13 ณ สิ้นปี 2022 อันไหนคุ้มกว่า คุ้มกว่า ใช้งานได้นาน

#เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
[rule_3_plain] #เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone 14 Series ไปแล้ว iPhone รุ่นก่อนหน้าก็มีการลดราคาลง ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 และ iPhone 13 นั้นราคาลงมาในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเยอะแล้ว วันนี้เราเลยจะลองมาเทียบสเปคดูว่า iPhone 12 หรือ iPhone 13 ตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,900 บาท มือสองอยู่ที่ 15,000 – 18,000 บาท ส่วน iPhone 13 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,900 บาท มือสองอยู่ที่ 22,900 – 26,900 บาท ด้วยราคาที่ห่างกันราวๆ 5,000 บาทเป็นอย่างน้อยจะเลือกตัวไหนดีถึงจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป สำหรับความแตกต่างด้านสเปคเราจะมาพูดกันไปทีละจุดเลยขนาด, น้ำหนัก และวัสดุหน้าจอชิปประมวลผลกล้องถ่ายภาพแบตเตอรี่สรุปขนาด, น้ำหนัก และวัสดุiPhone 12iPhone 13ขนาด146.7 x 71.5 x 7.4 มม.146.7 x 71.5 x 7.65 มม.น้ำหนัก162 กรัม173 กรัมวัสดุด้านหน้าแบบ Ceramic Shieldอะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศด้านหน้าแบบ Ceramic Shieldอะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศสีดำ, ขาว, แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วงแดง, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียวเมื่อพูดถึงขนาดและน้ำหนักแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยความบางกว่าและเบากว่า iPhone 13 ซึ่งทั้งนี้ก็มาจากปริมาณแบตเตอรี่ที่ต่างกันนั่นเอง ในเรื่องของความทนทานนั้นทั้งคู่ก็ใช้หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield โครงเป็นอะลูมิเนียมเหมือนๆ กัน เรียกได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันเลย ซึ่งถ้าให้เทียบกันแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบ iPhone 13 เล็กน้อยในเรื่องของการพกพา แต่ทว่าความหนาและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มากมายนัก ทำให้ในการใช้งานจริงๆ ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น จะมีก็แค่การที่ไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้เท่านั้นหน้าจอiPhone 12iPhone 13พาแนลSuper Retina XDR (OLED)Super Retina XDR (OLED)ขนาด6.1 นิ้ว6.1 นิ้วความละเอียด2532 x 1170 พิกเซล2532 x 1170 พิกเซลความหนาแน่น460 ppi460 ppiอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:12,000,000:1HDRรองรับรองรับความสว่างสูงสุด625 นิต800 นิตความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด (HDR)1,200 นิต1,200 นิตในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นเมื่อดูจากสเปคแล้วยังไงๆ iPhone 12 และ iPhone 13 ก็ไมไ่ด้แตกต่างกันเท่าไร จุดที่แตกต่างกันก็มีเพียงความสว่างที่มากขึ้นเล็กน้อย เรีกยได้ว่าในส่วนของหน้าจอแทบไม่จำเป็นต้องเอามาตัดสินนักก็ได้ ถึงแม้ iPhone 13 จะมีความสว่างปกติมากกว่า iPhone 12 ก็ตาม แต่เวลาเราใช้จริงก็ไม่ได้มีการปรับให้สว่างสุดแน่นอนอีกทั้งแดดเมืองไทยก็สุดยอดมาก ต่อให้หน้าจอมือถือจะสว่างขนาดไหนก็สามารถบดบังจนแทบไม่เห็นเหมือนๆ กันชิปประมวลผลiPhone 12iPhone 13ชิปประมวลผลA14 BionicA15 BionicCPUประสิทธิภาพ 2 core @3.1 GHzประหยัดพลังงาน 4 core @1.8 GHzประสิทธิภาพ 2 core @3.23 GHzประหยัดพลังงาน 4 core @1.82 GHzGPU4 core4 coreNeural Engine16 core8 coreแรม4GB4GBความจุ64GB / 128GB / 256GB128GB / 256GB / 512GBในเรื่องของชิปประมวลผลนั้นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าชิป A15 Bionic นั้นย่อมต้องแรงกว่า A14 Bionic ด้วยการที่เป็ฯชิปตัวใหม่ที่อัพเกรดชิป A14 Bionic ให้แรงขึ้นและจัดการพลังงานได้ดีขึ้น โดยมีการเพิ่มความเร็ว CPU ให้สูงขึ้น เพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ให้มากขึ้นจาก 11.8 พันล้านเป็น 15 พันล้าน ช่วยให้การประมวลผลมีความรวดเร็วที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชิปโมเด็ม 5G จาก Snapdragon X55 ที่กินพลงงานสูงมาเป็น Snapdragon X60 แทน ช่วยให้ตัวชิปบริโภคพลังงานน้อยลง ส่งผลให้แบตเตอรี่อึดขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเรื่องการซดแบตเตอรี่จากการใช้ 5G ของ iPhone 12 น่าจะเป็นจุดอ่อนหลักๆ เลยก็ว่าได้นอกจากนี้ในเรื่องของความจุ iPhone 12 ที่เริ่มด้วยความจุ 64GB นั้นยังไงก็เสียเปรียบ iPhone 13 ที่เริ่มต้น 128GB เนื่องมาจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นอะไรที่ใช้ยากมากๆ ทั้งนี้ก็เพราะแอปฯ ต่างๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ โซเชียลหรือเกมก็ตาม และยิ่งหลายๆ คนไม่ค่อยชอบลบรูปที่ถ่ายด้วยแล้วก็ยิ่งกินพื้นที่อีก ดังนั้นการที่ iPhone 13 ได้ตัวเลือกความจุสูงกว่าจึงได้เปรียบแบบสุดๆกล้องถ่ายภาพiPhone 12iPhone 13กล้องหลังWide : 12MP, f/1.6, OISUltra-wide : 12MP, f/2.4Wide : 12MP, f/1.6, Sensor-Shift OISUltra-wide : 12MP, f/2.4กล้องหน้าTrueDepth : 12MP, f/2.2TrueDepth : 12MP, f/2.2การบันทึกวิดีโอบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fpsบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fpsบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fpsบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fpsDeep Fusionกล้องหน้ากล้องหลังกล้องหน้ากล้องหลังในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่ใช้กล้องตัวเดียวกัน แต่ iPhone 13 จะมี Sensor-Shift OIS ที่ช่วยเรื่องกันสั่นได้ดียิ่งกว่า ซึ่งใน iPhone 12 ก็มีแต่จะอยู่ในรุ่น Pro Max เท่านั้น ซึ่งถ้าพูดถึงการถ่ายภาพแล้ว iPhone 13 ที่มี Sensor-Shift จะได้เปรียบกว่าเรื่องความนิ่งของกล้อง เนื่องจากเวลาใช้มือถือตัวเครื่องแล้วยังไงก็ต้องมีอาการสั่นแน่นอน ซึ่งตัว Sensor-Shift นี้จะมาช่วยชดเชยแรงสั่นนั้นให้เลนส์นิ่งแบบสุดๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียของ Sensor-Shift ก็คือเวลาได้รับการสั่นไหวที่รุนแรงและต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ตัวกล้องพังได้เลย อย่างเช่นเอาไปใส่ที่วางมือถือติดรถมอเตอร์ไซค์เป็นต้น แรงสั่นสะเทือนจากการวิ่งสามารถทำให้กล้องพังได้เลยทีเดียว ทำให้สายไบค์เกอร์ไม่วามารถเอา iPhone ที่มี Sensor-Shift มาวางบนรถได้ ถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป/วิดีโอในที่ๆ แสงน้อยๆ iPhone 13 จะได้เปรียบกว่า แต่ถ้าไม่ได้ได้ภาพในที่แสงน้อยมากนักกล้องของ iPhone 12 ก็เพียงพอแล้วแบตเตอรี่iPhone 12iPhone 13ขนาด2,815 mAh3,240 mAhระบบชาร์จPD2.0MagSafe 15WQi 7.5WPD2.0MagSafe 15WQi 7.5Wในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นถ้าจะเทียบกันมันก็กะไรอยู่เพราะในเรื่องระยะเวลาในการใช้งานรวมนั้นมันมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าต่างๆ, ชิปประมวลผลที่มี, หรือแม้กระทั่งความร้อนจากการใช้งาน จึงไม่สามารถเอามาเทียบกับจริงจังมากนักได้ แต่จากที่ได้ลองเล่นหลายๆ ครั้งมาจากความรู้สึกแล้วถ้า iPhone 12 เปิดใช้งานแค่ 5G แล้วจะอยู่ได้สั้นกว่า iPhone 13 อย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่า iPhone 12 กินแบตมากกว่า iPhone 13 นั่นเอง ส่วนในเรื่องของความเร็วการชาร์จนั้นด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบบเดียวกัน iPhone 12 จะเต็มเร็วกว่า iPhone 13 เนื่องด้วยขนาดแบตเตอรี่ที่น้อยกว่าสรุป iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปี 2022 ซื้อรุ่นไหนดีiPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี ในที่นี้คงได้แต่ต้องบอกว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงินของเพื่อนๆ เลยว่าพอจะซื้อได้ตัวไหน เพราะตามหลักแล้ว iPhone นั้นเป็นมือถือที่มีระยะเวลาในการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน ถ้าเป็นคนที่เอามาใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ได้แคร์เรื่อง 5G หรือไม่ได้แคร์เรื่องแบตหมดเร็ว iPhone 12 แบบมือสองก็ดูน่าสนใจดีด้วยราคาที่นับว่าค่อนข้างถูกเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปและค่อนข้างซีเรียสเรื่องความอึดของแบตเตอรี่แล้วยังไง iPhone 13 ก็กินขาด เพียงแต่ราคาก็จะสูงกว่า iPhone 12 พอสมควรไม่ว่าจะเป็นราคามือ 1 หรือมือสองก็ตามถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G ในราคาไม่แพง ให้เลือก iPhone 12 ไปเลย แต่ต้องเป็นรุ่น 128GB ขึ้นไปนะ ส่วนถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G แล้วแบตอึดๆ iPhone 13 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ถึงตอนนี่ราคาจะยังดูสูงพอสมควร แต่เวลาขายต่อก็จะได้ราคาที่สูงกว่าด้วย ช่วยให้เวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วเจ็บน้อยกว่าเยอะเลย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘344269’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘344269’});
});
#เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
[rule_2_plain] #เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
[rule_2_plain] #เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
[rule_3_plain]

#เปรยบเทยบสเปค #iPhone #และ #iPhone #ณ #สนป #อนไหนคมกวา #คมกวา #ใชงานไดนาน
iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPhone 14 Series ไปแล้ว iPhone รุ่นก่อนหน้าก็มีการลดราคาลง ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 และ iPhone 13 นั้นราคาลงมาในระดับที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเยอะแล้ว วันนี้เราเลยจะลองมาเทียบสเปคดูว่า iPhone 12 หรือ iPhone 13 ตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน ซึ่งตอนนี้ iPhone 12 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,900 บาท มือสองอยู่ที่ 15,000 – 18,000 บาท ส่วน iPhone 13 จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,900 บาท มือสองอยู่ที่ 22,900 – 26,900 บาท ด้วยราคาที่ห่างกันราวๆ 5,000 บาทเป็นอย่างน้อยจะเลือกตัวไหนดีถึงจะคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป สำหรับความแตกต่างด้านสเปคเราจะมาพูดกันไปทีละจุดเลยขนาด, น้ำหนัก และวัสดุหน้าจอชิปประมวลผลกล้องถ่ายภาพแบตเตอรี่สรุปขนาด, น้ำหนัก และวัสดุiPhone 12iPhone 13ขนาด146.7 x 71.5 x 7.4 มม.146.7 x 71.5 x 7.65 มม.น้ำหนัก162 กรัม173 กรัมวัสดุด้านหน้าแบบ Ceramic Shieldอะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศด้านหน้าแบบ Ceramic Shieldอะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศสีดำ, ขาว, แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วงแดง, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียวเมื่อพูดถึงขนาดและน้ำหนักแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยความบางกว่าและเบากว่า iPhone 13 ซึ่งทั้งนี้ก็มาจากปริมาณแบตเตอรี่ที่ต่างกันนั่นเอง ในเรื่องของความทนทานนั้นทั้งคู่ก็ใช้หน้าจอเคลือบ Ceramic Shield โครงเป็นอะลูมิเนียมเหมือนๆ กัน เรียกได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันเลย ซึ่งถ้าให้เทียบกันแล้ว iPhone 12 จะได้เปรียบ iPhone 13 เล็กน้อยในเรื่องของการพกพา แต่ทว่าความหนาและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มากมายนัก ทำให้ในการใช้งานจริงๆ ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น จะมีก็แค่การที่ไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้เท่านั้นหน้าจอiPhone 12iPhone 13พาแนลSuper Retina XDR (OLED)Super Retina XDR (OLED)ขนาด6.1 นิ้ว6.1 นิ้วความละเอียด2532 x 1170 พิกเซล2532 x 1170 พิกเซลความหนาแน่น460 ppi460 ppiอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:12,000,000:1HDRรองรับรองรับความสว่างสูงสุด625 นิต800 นิตความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด (HDR)1,200 นิต1,200 นิตในส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นเมื่อดูจากสเปคแล้วยังไงๆ iPhone 12 และ iPhone 13 ก็ไมไ่ด้แตกต่างกันเท่าไร จุดที่แตกต่างกันก็มีเพียงความสว่างที่มากขึ้นเล็กน้อย เรีกยได้ว่าในส่วนของหน้าจอแทบไม่จำเป็นต้องเอามาตัดสินนักก็ได้ ถึงแม้ iPhone 13 จะมีความสว่างปกติมากกว่า iPhone 12 ก็ตาม แต่เวลาเราใช้จริงก็ไม่ได้มีการปรับให้สว่างสุดแน่นอนอีกทั้งแดดเมืองไทยก็สุดยอดมาก ต่อให้หน้าจอมือถือจะสว่างขนาดไหนก็สามารถบดบังจนแทบไม่เห็นเหมือนๆ กันชิปประมวลผลiPhone 12iPhone 13ชิปประมวลผลA14 BionicA15 BionicCPUประสิทธิภาพ 2 core @3.1 GHzประหยัดพลังงาน 4 core @1.8 GHzประสิทธิภาพ 2 core @3.23 GHzประหยัดพลังงาน 4 core @1.82 GHzGPU4 core4 coreNeural Engine16 core8 coreแรม4GB4GBความจุ64GB / 128GB / 256GB128GB / 256GB / 512GBในเรื่องของชิปประมวลผลนั้นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าชิป A15 Bionic นั้นย่อมต้องแรงกว่า A14 Bionic ด้วยการที่เป็ฯชิปตัวใหม่ที่อัพเกรดชิป A14 Bionic ให้แรงขึ้นและจัดการพลังงานได้ดีขึ้น โดยมีการเพิ่มความเร็ว CPU ให้สูงขึ้น เพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ให้มากขึ้นจาก 11.8 พันล้านเป็น 15 พันล้าน ช่วยให้การประมวลผลมีความรวดเร็วที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชิปโมเด็ม 5G จาก Snapdragon X55 ที่กินพลงงานสูงมาเป็น Snapdragon X60 แทน ช่วยให้ตัวชิปบริโภคพลังงานน้อยลง ส่งผลให้แบตเตอรี่อึดขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเอาจริงๆ แล้วเรื่องการซดแบตเตอรี่จากการใช้ 5G ของ iPhone 12 น่าจะเป็นจุดอ่อนหลักๆ เลยก็ว่าได้นอกจากนี้ในเรื่องของความจุ iPhone 12 ที่เริ่มด้วยความจุ 64GB นั้นยังไงก็เสียเปรียบ iPhone 13 ที่เริ่มต้น 128GB เนื่องมาจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นอะไรที่ใช้ยากมากๆ ทั้งนี้ก็เพราะแอปฯ ต่างๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ โซเชียลหรือเกมก็ตาม และยิ่งหลายๆ คนไม่ค่อยชอบลบรูปที่ถ่ายด้วยแล้วก็ยิ่งกินพื้นที่อีก ดังนั้นการที่ iPhone 13 ได้ตัวเลือกความจุสูงกว่าจึงได้เปรียบแบบสุดๆกล้องถ่ายภาพiPhone 12iPhone 13กล้องหลังWide : 12MP, f/1.6, OISUltra-wide : 12MP, f/2.4Wide : 12MP, f/1.6, Sensor-Shift OISUltra-wide : 12MP, f/2.4กล้องหน้าTrueDepth : 12MP, f/2.2TrueDepth : 12MP, f/2.2การบันทึกวิดีโอบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fpsบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fpsบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fpsบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 30 fpsDeep Fusionกล้องหน้ากล้องหลังกล้องหน้ากล้องหลังในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่ใช้กล้องตัวเดียวกัน แต่ iPhone 13 จะมี Sensor-Shift OIS ที่ช่วยเรื่องกันสั่นได้ดียิ่งกว่า ซึ่งใน iPhone 12 ก็มีแต่จะอยู่ในรุ่น Pro Max เท่านั้น ซึ่งถ้าพูดถึงการถ่ายภาพแล้ว iPhone 13 ที่มี Sensor-Shift จะได้เปรียบกว่าเรื่องความนิ่งของกล้อง เนื่องจากเวลาใช้มือถือตัวเครื่องแล้วยังไงก็ต้องมีอาการสั่นแน่นอน ซึ่งตัว Sensor-Shift นี้จะมาช่วยชดเชยแรงสั่นนั้นให้เลนส์นิ่งแบบสุดๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะ ข้อเสียของ Sensor-Shift ก็คือเวลาได้รับการสั่นไหวที่รุนแรงและต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จะทำให้ตัวกล้องพังได้เลย อย่างเช่นเอาไปใส่ที่วางมือถือติดรถมอเตอร์ไซค์เป็นต้น แรงสั่นสะเทือนจากการวิ่งสามารถทำให้กล้องพังได้เลยทีเดียว ทำให้สายไบค์เกอร์ไม่วามารถเอา iPhone ที่มี Sensor-Shift มาวางบนรถได้ ถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป/วิดีโอในที่ๆ แสงน้อยๆ iPhone 13 จะได้เปรียบกว่า แต่ถ้าไม่ได้ได้ภาพในที่แสงน้อยมากนักกล้องของ iPhone 12 ก็เพียงพอแล้วแบตเตอรี่iPhone 12iPhone 13ขนาด2,815 mAh3,240 mAhระบบชาร์จPD2.0MagSafe 15WQi 7.5WPD2.0MagSafe 15WQi 7.5Wในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นถ้าจะเทียบกันมันก็กะไรอยู่เพราะในเรื่องระยะเวลาในการใช้งานรวมนั้นมันมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าต่างๆ, ชิปประมวลผลที่มี, หรือแม้กระทั่งความร้อนจากการใช้งาน จึงไม่สามารถเอามาเทียบกับจริงจังมากนักได้ แต่จากที่ได้ลองเล่นหลายๆ ครั้งมาจากความรู้สึกแล้วถ้า iPhone 12 เปิดใช้งานแค่ 5G แล้วจะอยู่ได้สั้นกว่า iPhone 13 อย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่า iPhone 12 กินแบตมากกว่า iPhone 13 นั่นเอง ส่วนในเรื่องของความเร็วการชาร์จนั้นด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบบเดียวกัน iPhone 12 จะเต็มเร็วกว่า iPhone 13 เนื่องด้วยขนาดแบตเตอรี่ที่น้อยกว่าสรุป iPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปี 2022 ซื้อรุ่นไหนดีiPhone 12 vs iPhone 13 ปลายปีนี้ซื้อรุ่นไหนดี ในที่นี้คงได้แต่ต้องบอกว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงินของเพื่อนๆ เลยว่าพอจะซื้อได้ตัวไหน เพราะตามหลักแล้ว iPhone นั้นเป็นมือถือที่มีระยะเวลาในการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน ถ้าเป็นคนที่เอามาใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ได้แคร์เรื่อง 5G หรือไม่ได้แคร์เรื่องแบตหมดเร็ว iPhone 12 แบบมือสองก็ดูน่าสนใจดีด้วยราคาที่นับว่าค่อนข้างถูกเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปและค่อนข้างซีเรียสเรื่องความอึดของแบตเตอรี่แล้วยังไง iPhone 13 ก็กินขาด เพียงแต่ราคาก็จะสูงกว่า iPhone 12 พอสมควรไม่ว่าจะเป็นราคามือ 1 หรือมือสองก็ตามถ้าให้สรุปสั้นๆ เลยก็คือถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G ในราคาไม่แพง ให้เลือก iPhone 12 ไปเลย แต่ต้องเป็นรุ่น 128GB ขึ้นไปนะ ส่วนถ้าต้องการ iPhone ที่รองรับ 5G แล้วแบตอึดๆ iPhone 13 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่ามาก ถึงตอนนี่ราคาจะยังดูสูงพอสมควร แต่เวลาขายต่อก็จะได้ราคาที่สูงกว่าด้วย ช่วยให้เวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วเจ็บน้อยกว่าเยอะเลย jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘344269’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘344269’});
});

OtoFuns

Back to top button