Editorial

iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม? 2022 หรือเพิ่มเงินเพื่อซื้อ iPhone 13 ดีกว่ากัน?

iPhone 12 ยังน่าใช้ในปี 2022 หรือไม่?

iPhone 12 เป็น iPhone เครื่องแรกของ Apple ที่รองรับ 5G และเป็นรุ่นแรกที่มีหน้าจอ OLED ในทุกรุ่น ปัจจุบัน iPhone 12 ยังคงมีขายบนเว็บไซต์ apple.co.th เนื่องจากเป็น iPhone ของปีที่แล้ว แถมราคาก็ไม่ต่างจาก iPhone 13 มากนัก ดังนั้นเราจะมาวิเคราะห์กัน ตกลงว่า iPhone 12 ยังน่าใช้ในปี 2022 หรือจะยอมเพิ่มเงินซื้อ iPhone 13 ดี?

iPhone 12 ยังน่าใช้ในปี 2022 หรือไม่?

แต่ก่อนที่เราจะไปดูรายละเอียดว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่หรือไม่ในปี 2022 เรามาย้อนดูสเปคของ iPhone 12 และ iPhone 13 กันก่อนดีกว่า สเปคของทั้งคู่มีดังนี้

รีวิว iPhone 12 Apple SpecPhone 15

สเปคของ iPhone 12

  • หน้าจอ Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision ความสว่าง 625nits (ความสว่างสูงสุด 1,200 nits)
  • ชิปประมวลผล: Apple A14 Bionic (5nm)
  • แรม / ความจุ :
    • 4GB/64GB
    • 4GB/128GB
    • 4GB/256GB
  • กล้องหลัง:
    • กล้องตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (กว้าง)
    • ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (อัลตร้าไวด์)
  • กล้องหน้า: 12 MP, f/2.2
  • แบตเตอรี่ : 2,815 mAh
    • รองรับระบบชาร์จเร็ว 20W PD 2.0
    • รอการชาร์จแบบไร้สายด้วย MagSafe 15W
    • รองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน 7.5W Qi
  • การเชื่อมต่อ :
    • 5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4
    • Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2
    • บลูทูธ 5.0
    • GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou
    • เอ็นเอฟซี
    • ยูเอสบี สายฟ้า
  • เซ็นเซอร์:
    • ID ใบหน้า
    • บารอมิเตอร์
    • ไจโรสามแกน
    • มาตรความเร่ง
    • พร็อกซิมิตี้เซนเซอร์
    • เซ็นเซอร์วัดแสง
  • กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
  • ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.4 มม.
  • น้ำหนัก : 164 กรัม
  • สี: ดำ, ขาว, (PRODUCT)แดง, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง
  • ราคา :
    • 4GB / 64GB : (ราคาเปิดตัว) 29,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 25,900 บาท
    • 4GB / 128GB : (ราคาเปิดตัว) 31,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 27,900 บาท
    • 4GB / 256GB : (ราคาเปิดตัว) 35,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 31,900 บ

รีวิว iPhone 13 Pro Alpine Green SpecPhone 0011

ข้อมูลจำเพาะของ ไอโฟน 13

  • หน้าจอ Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision ความสว่าง 800nits (ความสว่างสูงสุด 1,200 nits)
  • ชิปประมวลผล: Apple A15 Bionic (5nm)
  • แรม / ความจุ :
    • 4GB/128GB
    • 4GB/256GB
    • 4GB/512GB
  • กล้องหลัง:
    • กล้องตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (กว้าง)
    • ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (อัลตร้าไวด์)
  • กล้องหน้า: 12 MP, f/2.2
  • แบตเตอรี่ : 3,240 mAh
    • รองรับระบบชาร์จเร็ว 20W PD 2.0
    • รอการชาร์จแบบไร้สายด้วย MagSafe 15W
    • รองรับการชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน 7.5W Qi
  • การเชื่อมต่อ :
    • 5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4
    • Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2
    • บลูทูธ 5.0
    • GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou
    • เอ็นเอฟซี
    • ยูเอสบี สายฟ้า
  • เซ็นเซอร์:
    • ID ใบหน้า
    • บารอมิเตอร์
    • ไจโรสามแกน
    • มาตรความเร่ง
    • พร็อกซิมิตี้เซนเซอร์
    • เซ็นเซอร์วัดแสง
  • กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
  • ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.7 มม.
  • น้ำหนัก : 174 กรัม
  • สี: (PRODUCT)แดง, สตาร์ไลท์, เที่ยงคืน, น้ำเงิน, ชมพู, เขียว
  • ราคา :
    • 4GB / 128GB : 29,900 บาท
    • 4GB / 256GB : 33,900 บาท
    • 4GB / 512GB : 41,900 บาท

เปรียบเทียบสเปค iPhone 12 vs iPhone 13

ไอโฟน 12 ไอโฟน 13
ขนาด 146.7 x 71.5 x 7.4 มม. 146.7 x 71.5 x 7.7 มม.
น้ำหนัก 164 กรัม 174 กรัม
กันน้ำ-กันฝุ่น IP68 IP68
หน้าจอ ซูเปอร์เรตินา XDR (OLED)
ขนาด6.1นิ้ว
2532 x 1170 พิกเซล
ทรูโทน, HDR10, Dolby Vision,
ความสว่าง 625nits
ซูเปอร์เรตินา XDR (OLED)
ขนาด6.1นิ้ว
2532 x 1170 พิกเซล
ทรูโทน, HDR10, Dolby Vision,
ความสว่าง 800nits
ชิปประมวลผล Apple A14 ไบโอนิค (5 นาโนเมตร) Apple A15 ไบโอนิค (5 นาโนเมตร)
แรม/ความจุ 4GB/64GB
4GB/128GB
4GB/256GB
4GB/128GB
4GB/256GB
4GB/512GB
กล้องหลัง 12 MP, f/1.6, OIS (กว้าง)
12 MP, f/2.4, 120˚ (อัลตร้าไวด์)
12 MP, f/1.6, OIS (กว้าง)
12 MP, f/2.4, 120˚ (อัลตร้าไวด์)
กล้องด้านหน้า 12 MP, f/2.2 12 MP, f/2.2
แบตเตอรี่ 2,815 มิลลิแอมป์
ชาร์จเร็ว 20W PD 2.0
เครื่องชาร์จไร้สาย MagSafe 15W
การชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน 7.5W Qi
3,240 มิลลิแอมป์
ชาร์จเร็ว 20W PD 2.0
เครื่องชาร์จไร้สาย MagSafe 15W
การชาร์จแบบไร้สายมาตรฐาน 7.5W Qi
ราคา 25,900 บาท (64GB)
27,900 บาท (128GB)
31,900 บาท (256GB)
29,900 บาท (128GB)
33,900 บาท (256GB)
41,900 บาท (512GB)

ความแตกต่างระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 13

ตัวเครื่อง iPhone 12 เทียบกับ iPhone 13

สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงคือขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่อง โดย iPhone 12 จะบางและเบากว่า iPhone 13 เล็กน้อย ซึ่งเนื่องมาจากแบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั่นเอง 7.4 มม. และหนัก 164 ก. ในขณะที่ iPhone 13 บาง 7.7 มม. และหนัก 174 ก. แต่โดยพื้นฐานแล้วก็มีเพียงแค่นั้นในแง่ของขนาด ความรู้สึกในการจับถือเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างกันเลย

iPhone 12 กับ iPhone 13 Notch

ในแง่ของหน้าจอ อุปกรณ์ทั้งสองใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วเหมือนกัน แต่ความแตกต่างของหน้าจอจะมีเพียง 2 จุดเท่านั้น โดยรอยบากของ iPhone 13 จะเล็กกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Apple เปลี่ยนตำแหน่งลำโพงไปที่ขอบตัวเครื่อง ความแตกต่างอีกอย่างคือความสว่างหน้าจอพื้นฐาน โดย iPhone 12 อยู่ที่ 625 nits และ iPhone 13 อยู่ที่ 800 nits ในการใช้งานทั่วไป หน้าจอของ iPhone 13 จะสว่างขึ้นเล็กน้อย ทำให้เวลาใช้งานในที่มืด จะส่งผลให้ iPhone 12 ใช้งานได้ถนัดมือมากขึ้น แต่ถ้าใช้กลางแดดจะไม่แตกต่างแต่อย่างใด เพราะความสว่างสูงสุดของทั้ง 2 เครื่องเท่ากันที่ 1,200 nits ซึ่งถ้าเทียบกับหน้าจอโดยรวมก็ไม่ต่างกันมาก

ซีพียู iPhone 12 กับ iPhone 13

ในแง่ของชิปประมวลผล iPhone 12 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A14 Bionic ในขณะที่ iPhone 13 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A15 Bionic ความแตกต่างระหว่างโปรเซสเซอร์ทั้งสองนี้คือความเร็วในการประมวลผล จำนวน CPU ใน A14 Bionic และ A15 Bionic เท่ากัน โดยมี 2 คอร์ประสิทธิภาพและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน แกนประสิทธิภาพถูกโอเวอร์คล็อกที่ 3.1GHz และ 3.2GHz ตามลำดับ ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงานนั้นโอเวอร์คล็อกที่ 1.8GHz และ 1.82GHz ตามลำดับ A15 Bionic มีทรานซิสเตอร์ 11.8 พันล้านตัว ในขณะที่ A15 Bionic มีทรานซิสเตอร์ 15 พันล้านตัว ซึ่งจะส่งผลให้ A15 Bionic มีความเร็วในการประมวลผลที่สูงกว่า ซึ่งถ้าเทียบสเปคแล้ว A15 Bionic จะแรงกว่า A14 Bionic แต่ในการใช้งานจริงจะมีประสิทธิภาพไม่มากนัก

นอกเหนือจาก CPU แล้ว ยังน่าสนใจที่จะทราบว่าโมเด็มที่ใช้โดย A14 Bionic นั้นใช้โมเด็ม Snapdragon X55 5G รุ่นเก่า ในขณะที่ A15 Bionic นั้นใช้โมเด็ม Snapdragon X60 5G รุ่นใหม่กว่า เป็นโมเด็มที่วางอยู่ภายนอกชิปประมวลผล ดังนั้น ในการใช้งานจึงต้องส่งพลังงานมากขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่า Snapdragon X60 ที่รวมโมเด็มเข้ากับชิปเซ็ต เรียกได้ว่าหากคุณใส่ใจเรื่องระยะเวลาการใช้งาน iPhone 13 ที่มี A15 Bionic จะได้เปรียบกว่า

กล้อง iPhone 12 กับ iPhone 13

สำหรับกล้องนั้นทั้งคู่มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว กล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ 12 MP และกล้องหน้า 12 MP เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือเซ็นเซอร์ ของกล้องหลัก เนื่องจาก iPhone 13 ใช้เซ็นเซอร์หลักตัวเดียวกับ iPhone 12 Pro Max คือเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.9 นิ้ว ขนาดพิกเซล 1.7µm ในขณะที่ iPhone 12 มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว พร้อมด้วย ขนาดพิกเซลที่ 1.4µm เรียกได้ว่ากล้องของ iPhone 13 จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการถ่ายภาพระยะใกล้ก็ต้องใช้ระยะทางที่มากขึ้น เรียกได้ว่าถ้าเป็นการถ่ายภาพในทุกสภาพแสง iPhone 13 จะทำออกมาได้ดีกว่า แต่ถ้าใครชอบถ่ายระยะใกล้ เช่น ถ่ายดอกไม้ ใบไม้ เป็นต้น iPhone 12 จะได้เปรียบกว่ามาก


สรุปแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม? 2022 หรือจะอัพเกรดเป็น iPhone 13 ดี?

รีวิว iPhone 12 Apple SpecPhone 06

ถ้าต้องสรุปว่า iPhone 12 ยังน่าใช้ ปี 2022 ก็ต้องบอกว่ายังดีและใช้ได้อีกนาน เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะซื้อมือถือมือ 1 ก็ต้องบอกว่าไม่คุ้ม เพราะเพิ่มเงินอีกนิดก็ได้ iPhone 13 แล้ว แต่ถ้าเป็น iPhone 12 มือสองที่เริ่มต้นไม่เกิน 20,000 บาท คุ้มกว่าเยอะ เพราะราคามือหนึ่งของ iPhone 12 รุ่น 128GB เพิ่มแค่ 2,000 บาท ก็จะได้ iPhone 13 แล้ว และไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 12 รุ่น 64GB เช่นกัน เนื่องจากความจุ 64GB ปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เน้นรุ่นความจุ 128GB ขึ้นไปจะดีที่สุด สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 13 ให้ถามตัวคุณเองว่าคุณให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพระยะใกล้หรือระยะเวลาการใช้งานทั้งหมดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จะว่าไป iPhone 13 ก็จบ แต่ถ้าคุณไม่ได้สนใจแค่อยากได้ iPhone รุ่นเรือธงที่รองรับ 5G แล้วล่ะก็ iPhone 12 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมันช่วยประหยัดเงินได้มาก


บทความที่เกี่ยวข้อง


Read More

iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม? 2022 หรือเพิ่มเงินเพื่อซื้อ iPhone 13 ดีกว่ากัน?

#iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
[rule_3_plain] #iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
iPhone 12 คือ iPhone รุ่นแรกจของ Apple ที่รองรับ 5G อีกทั้งยังเป็นรุ่นแรกที่ได้หน้าจอ OLED ในทุกรุ่นย่อยอีกด้วย โดยในปัจจุบันนี้ iPhone 12 ยังมีขายอยู่บนเว็บไซต์ apple.co.th เพียงแต่ด้วยการที่เป็น iPhone ของปีที่แล้วบวกกับราคาที่ไมไ่ด้แตกต่างจาก iPhone 13 มากนัก เราจึงจะมาวิเคราะหืกันว่าตกลงแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือว่าจะยอมเพิ่มเงินไปซื้อ iPhone 13 ดีiPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022แต่ก่อนเราไปดูรายละเอียดว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 เรามาย้อนดูสเปคของ iPhone 12 และ iPhone 13 กันก่อนดีกว่า โดยสเปคของทั้งสองจะมีดังนี้สเปคของ iPhone 12หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 625nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)ชิปประมวลผล : Apple A14 Bionic (5nm)แรม / ความจุ :4GB / 64GB4GB / 128GB4GB / 256GBกล้องหลัง :ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2แบตเตอรี่ : 2,815 mAhรองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wรอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15Wรองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wการเชื่อมต่อ :5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2Bluetooth 5.0GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDouNFCUSB Lightningเซ็นเซอร์ :Face IDBarometerThree-axis gyroAccelerometerProximity sensorAmbient light sensorกันน้ำ-กันฝุ่น : IP68ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.4 มม.น้ำหนัก : 164 กรัมสี : ดำ, ขาว, (PRODUCT)Red, เขียว, น้ำเงิน, ม่วงราคา :4GB / 64GB : (ราคาเปิดตัว) 29,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 25,900 บาท4GB / 128GB : (ราคาเปิดตัว) 31,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 27,900 บาท4GB / 256GB : (ราคาเปิดตัว) 35,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 31,900 บาทสเปคของ iPhone 13หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 800nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)ชิปประมวลผล : Apple A15 Bionic (5nm)แรม / ความจุ :4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 512GBกล้องหลัง :ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2แบตเตอรี่ : 3,240 mAhรองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wรอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15Wรองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wการเชื่อมต่อ :5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2Bluetooth 5.0GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDouNFCUSB Lightningเซ็นเซอร์ :Face IDBarometerThree-axis gyroAccelerometerProximity sensorAmbient light sensorกันน้ำ-กันฝุ่น : IP68ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.7 มม.น้ำหนัก : 174 กรัมสี : (PRODUCT)Red, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียวราคา :4GB / 128GB : 29,900 บาท4GB / 256GB : 33,900 บาท4GB / 512GB : 41,900 บาทเทียบสเปค iPhone 12 vs iPhone 13iPhone 12iPhone 13ขนาด146.7 x 71.5 x 7.4 มม.146.7 x 71.5 x 7.7 มม.น้ำหนัก164 กรัม174 กรัมกันน้ำ-กันฝุ่นIP68IP68หน้าจอSuper Retina XDR (OLED)ขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซลTrue Tone, HDR10, Dolby Vision, ความสว่าง 625nitsSuper Retina XDR (OLED)ขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซลTrue Tone, HDR10, Dolby Vision,ความสว่าง 800nitsชิปประมวลผลApple A14 Bionic (5nm)Apple A15 Bionic (5nm)แรม / ความจุ4GB / 64GB4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 512GBกล้องหลัง12 MP, f/1.6, OIS (wide)12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)12 MP, f/1.6, OIS (wide)12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า12 MP, f/2.212 MP, f/2.2แบตเตอรี่2,815 mAhชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15Wชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W3,240 mAhชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15Wชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wราคา25,900 บาท (64GB)27,900 บาท (128GB)31,900 บาท (256GB)29,900 บาท (128GB)33,900 บาท (256GB)41,900 บาท (512GB)จุดแตกต่างระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 13สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องโดย iPhone 12 จะมีความบางและเบากว่า iPhone 13 เล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากแบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั่นเอง โดยทาง iPhone 12 จะมีความบางอยู่ที่ 7.4 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 164 กรัม ในขณะที่ iPhone 13 จะมีความบางอยู่ที่ 7.7 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 174 กรัม ซึ่งส่วนต่างนี้ทำให้ทั้งสงไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้ แต่โดยหลักเรื่องขนาดก็มีแค่นั้น ความรู้สึกตอนจับถือเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างเลยสักนิดในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้งสองเครื่องก็ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันของหน้าจอจะมรเพียงแต่ 2 จุดก็คือ Notch ของ iPhone 13 จะมีขนาดที่เล็กกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Apple เปลี่ยนการวางตำแหน่งลำโพงให้ไปชิบขอบเครื่องมากขึ้นนั่นเอง อีกจุดที่แตกต่างกันก็คือความสว่างหน้าจอพื้นฐาน โดย iPhone 12 จะสว่างที่ 625 nits ส่วน iPhone 13 จะสว่างที่ 800 nits ซึ่งในด้านการใช้งานทั่วไปแล้วหน้าจอของ iPhone 13 จะสว่างกว่าเล็กน้อย ทำให้เวลาเอาไปใช้งานในที่มืดจะส่งผลให้ iPhone 12 ใช้งานได้สบายตากว่า แต่หากเอาไปใช้งานกลางแดดก็จะไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด เนื่องจากความสว่างสูงสุดของทั้งสองเครื่องเท่ากันที่ 1,200 nits นั่นเอง ซึ่งถ้าให้เทียบเรื่องหน้าจอโดยรวมแ้วไม่มีความแตกต่างกันเท่าไรในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น iPhone 12 มาพร้อมชิประมวลผล Apple A14 Bionic ส่วน iPhone 13 มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A15 Bionic ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันของชิปประมวลผลทั้งสองตัวนี้ก็คือความเร็วในการประมวลผล โดยจำนวน CPU ใน A14 Bionic และ A15 Bionic จะมีเท่ากันคือ 2 คอร์ประสิทธิภาพและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน ซึ่งคอร์ประสิทธิภาพจะมีความเร็วอยู่ที่ 3.1GHz และ 3.2GHz ตามลำดับ ส่วนคอร์ประหยัดพลังงานจะมีความเร็วอยู่ที่ 1.8GHz และ 1.82GHz ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีจำนวนทรายซิสเตอร์ที่ต่างกันด้วยโดย A14 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ ส่วน A15 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 15 พันล้านทรานซิสเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้ความเร็วในการประมวลผลของ A15 Bionic สูงกว่า ซึ่งถ้าเทียบกันที่สเปคแล้ว A15 Bionic จะแรงกว่า A14 Bionic เพียงแต่ว่าในการใช้งานจริงจะไม่ค่อยเห็นผลมากนักนอกจากเรื่อง CPU แล้วอีกสิ่งที่น่าสนใจคือโมเด็มที่ใช้โดย A14 Bionic นั้นจะใช้โมเด็ม Snapdragon X55 5G ที่เป็นโมเด็มแบบเก่า ส่วน A15 Bionic จะใช้โมเด็มรุ่นใหม่กว่าอย่าง Snapdragon X60 5G ซึ่งความต่างก็คือ Snapdragon X55 นั้นจะเป็นโมเด็มที่วางอยู่นอกตัวชิปประมวลผลทำให้ในการใช้งานต้องมีการส่งพลังงานมากขึ้น เป็นผลให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่า Snapdragon X60 ที่เอาโมเด็มรวมเข้าไปในชิปประมวลผล เรียกได้ว่าถ้าแคร์เรื่องระยะเวลาในการใช้งาน iPhone 13 ที่ใช้ A15 Bionic จะได้เปรียบกว่าสำหรับเรื่องกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวเช่นเดียวกันคือกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12 MP และมีกล้องหน้าความละเอียด 12 MP เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเซ็นเซอร์ของกล้องหลัก เนื่องจากใน iPhone 13 นั้นใช้เซ็นเซอร์หลักตัวเดียวกับใน iPhone 12 Pro Max คือเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.9 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.7µm ในขณะที่ iPhone 12 นั้นมาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.4µm ซึ่งเรียกได้ว่ากล้องของ iPhone 13 จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า แต่ทว่าในขณะเดียวกันการถ่ายภาพระยะใกล้ก็จะต้องใช้ระยะห่างมากกว่าตามไปด้วย เรียกได้ว่าถ้าเป็นการถ่ายภาพในทุกสภาพแสงแล้ว iPhone 13 จะทำออกมาได้ดรกว่า แต่ถ้าเป็นคนชอบถ่ายภาพระยะใกล้เช่นถ่ายดอกไม้, ใบไม้ ฯลฯ เป็นหลัง iPhone 12 จะได้เปรียบกว่ามากสรุปแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือจะอัพเกรดไป iPhone 13 เลยดีถ้าให้สรุปว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 ต้องบอกเลยว่ายังใช้ได้ดีและยังใช้ได้อีกยาว เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะซื้อมือถือ 1 แล้วต้องขอบอกเลยว่าไม่คุ้ม เนื่องจากเพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ได้ iPhone 13 แล้ว แต่ถ้าเป็น iPhone 12 แบบมือสองที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาทนั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่าเยอะเลยทีเดียว เนื่องจากราคามือ 1 ของ iPhone 12 ในรุ่น 128GB เพิ่มอีกแค่ 2,000 บาทก็จะได้ iPhone 13 แล้ว และไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 12 รุ่น 64GB ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นความจุที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ให้เน้นไปที่รุ่นความจุ 128GB ขึ้นไปจะดีที่สุด สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 13 ดี อยากให้ลองถามตัวเองดูว่าให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพระยะใกล้หรือระยะเวลาใช้งานรวมต่อการชาร์จ 1 ครั้งไหม ถ้าแคร์อย่างใดอย่างหนึ่งมากการไป iPhone 13 เลยจะจบกว่า แต่ถ้าไม่ได้สนใจแค่ต้องการ iPhone รุ่นเรือธงที่รองรับ 5G แล้ว iPhone 12 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะบทความที่เกี่ยวข้อง jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘333202’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘333202’});
});
#iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
[rule_2_plain] #iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
[rule_2_plain] #iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
[rule_3_plain]

#iPhone #ยงนาใชอยไหม #หรอเพมเงนเพอซอ #iPhone #ดกวากน
iPhone 12 คือ iPhone รุ่นแรกจของ Apple ที่รองรับ 5G อีกทั้งยังเป็นรุ่นแรกที่ได้หน้าจอ OLED ในทุกรุ่นย่อยอีกด้วย โดยในปัจจุบันนี้ iPhone 12 ยังมีขายอยู่บนเว็บไซต์ apple.co.th เพียงแต่ด้วยการที่เป็น iPhone ของปีที่แล้วบวกกับราคาที่ไมไ่ด้แตกต่างจาก iPhone 13 มากนัก เราจึงจะมาวิเคราะหืกันว่าตกลงแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือว่าจะยอมเพิ่มเงินไปซื้อ iPhone 13 ดีiPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022แต่ก่อนเราไปดูรายละเอียดว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 เรามาย้อนดูสเปคของ iPhone 12 และ iPhone 13 กันก่อนดีกว่า โดยสเปคของทั้งสองจะมีดังนี้สเปคของ iPhone 12หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 625nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)ชิปประมวลผล : Apple A14 Bionic (5nm)แรม / ความจุ :4GB / 64GB4GB / 128GB4GB / 256GBกล้องหลัง :ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2แบตเตอรี่ : 2,815 mAhรองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wรอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15Wรองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wการเชื่อมต่อ :5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2Bluetooth 5.0GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDouNFCUSB Lightningเซ็นเซอร์ :Face IDBarometerThree-axis gyroAccelerometerProximity sensorAmbient light sensorกันน้ำ-กันฝุ่น : IP68ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.4 มม.น้ำหนัก : 164 กรัมสี : ดำ, ขาว, (PRODUCT)Red, เขียว, น้ำเงิน, ม่วงราคา :4GB / 64GB : (ราคาเปิดตัว) 29,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 25,900 บาท4GB / 128GB : (ราคาเปิดตัว) 31,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 27,900 บาท4GB / 256GB : (ราคาเปิดตัว) 35,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 31,900 บาทสเปคของ iPhone 13หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 800nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)ชิปประมวลผล : Apple A15 Bionic (5nm)แรม / ความจุ :4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 512GBกล้องหลัง :ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2แบตเตอรี่ : 3,240 mAhรองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wรอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15Wรองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wการเชื่อมต่อ :5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2Bluetooth 5.0GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDouNFCUSB Lightningเซ็นเซอร์ :Face IDBarometerThree-axis gyroAccelerometerProximity sensorAmbient light sensorกันน้ำ-กันฝุ่น : IP68ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.7 มม.น้ำหนัก : 174 กรัมสี : (PRODUCT)Red, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียวราคา :4GB / 128GB : 29,900 บาท4GB / 256GB : 33,900 บาท4GB / 512GB : 41,900 บาทเทียบสเปค iPhone 12 vs iPhone 13iPhone 12iPhone 13ขนาด146.7 x 71.5 x 7.4 มม.146.7 x 71.5 x 7.7 มม.น้ำหนัก164 กรัม174 กรัมกันน้ำ-กันฝุ่นIP68IP68หน้าจอSuper Retina XDR (OLED)ขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซลTrue Tone, HDR10, Dolby Vision, ความสว่าง 625nitsSuper Retina XDR (OLED)ขนาด 6.1 นิ้ว2532 x 1170 พิกเซลTrue Tone, HDR10, Dolby Vision,ความสว่าง 800nitsชิปประมวลผลApple A14 Bionic (5nm)Apple A15 Bionic (5nm)แรม / ความจุ4GB / 64GB4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 128GB4GB / 256GB4GB / 512GBกล้องหลัง12 MP, f/1.6, OIS (wide)12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)12 MP, f/1.6, OIS (wide)12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)กล้องหน้า12 MP, f/2.212 MP, f/2.2แบตเตอรี่2,815 mAhชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15Wชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W3,240 mAhชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20Wชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15Wชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5Wราคา25,900 บาท (64GB)27,900 บาท (128GB)31,900 บาท (256GB)29,900 บาท (128GB)33,900 บาท (256GB)41,900 บาท (512GB)จุดแตกต่างระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 13สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องโดย iPhone 12 จะมีความบางและเบากว่า iPhone 13 เล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากแบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั่นเอง โดยทาง iPhone 12 จะมีความบางอยู่ที่ 7.4 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 164 กรัม ในขณะที่ iPhone 13 จะมีความบางอยู่ที่ 7.7 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 174 กรัม ซึ่งส่วนต่างนี้ทำให้ทั้งสงไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้ แต่โดยหลักเรื่องขนาดก็มีแค่นั้น ความรู้สึกตอนจับถือเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างเลยสักนิดในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้งสองเครื่องก็ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันของหน้าจอจะมรเพียงแต่ 2 จุดก็คือ Notch ของ iPhone 13 จะมีขนาดที่เล็กกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Apple เปลี่ยนการวางตำแหน่งลำโพงให้ไปชิบขอบเครื่องมากขึ้นนั่นเอง อีกจุดที่แตกต่างกันก็คือความสว่างหน้าจอพื้นฐาน โดย iPhone 12 จะสว่างที่ 625 nits ส่วน iPhone 13 จะสว่างที่ 800 nits ซึ่งในด้านการใช้งานทั่วไปแล้วหน้าจอของ iPhone 13 จะสว่างกว่าเล็กน้อย ทำให้เวลาเอาไปใช้งานในที่มืดจะส่งผลให้ iPhone 12 ใช้งานได้สบายตากว่า แต่หากเอาไปใช้งานกลางแดดก็จะไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด เนื่องจากความสว่างสูงสุดของทั้งสองเครื่องเท่ากันที่ 1,200 nits นั่นเอง ซึ่งถ้าให้เทียบเรื่องหน้าจอโดยรวมแ้วไม่มีความแตกต่างกันเท่าไรในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น iPhone 12 มาพร้อมชิประมวลผล Apple A14 Bionic ส่วน iPhone 13 มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A15 Bionic ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันของชิปประมวลผลทั้งสองตัวนี้ก็คือความเร็วในการประมวลผล โดยจำนวน CPU ใน A14 Bionic และ A15 Bionic จะมีเท่ากันคือ 2 คอร์ประสิทธิภาพและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน ซึ่งคอร์ประสิทธิภาพจะมีความเร็วอยู่ที่ 3.1GHz และ 3.2GHz ตามลำดับ ส่วนคอร์ประหยัดพลังงานจะมีความเร็วอยู่ที่ 1.8GHz และ 1.82GHz ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีจำนวนทรายซิสเตอร์ที่ต่างกันด้วยโดย A14 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ ส่วน A15 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 15 พันล้านทรานซิสเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้ความเร็วในการประมวลผลของ A15 Bionic สูงกว่า ซึ่งถ้าเทียบกันที่สเปคแล้ว A15 Bionic จะแรงกว่า A14 Bionic เพียงแต่ว่าในการใช้งานจริงจะไม่ค่อยเห็นผลมากนักนอกจากเรื่อง CPU แล้วอีกสิ่งที่น่าสนใจคือโมเด็มที่ใช้โดย A14 Bionic นั้นจะใช้โมเด็ม Snapdragon X55 5G ที่เป็นโมเด็มแบบเก่า ส่วน A15 Bionic จะใช้โมเด็มรุ่นใหม่กว่าอย่าง Snapdragon X60 5G ซึ่งความต่างก็คือ Snapdragon X55 นั้นจะเป็นโมเด็มที่วางอยู่นอกตัวชิปประมวลผลทำให้ในการใช้งานต้องมีการส่งพลังงานมากขึ้น เป็นผลให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่า Snapdragon X60 ที่เอาโมเด็มรวมเข้าไปในชิปประมวลผล เรียกได้ว่าถ้าแคร์เรื่องระยะเวลาในการใช้งาน iPhone 13 ที่ใช้ A15 Bionic จะได้เปรียบกว่าสำหรับเรื่องกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวเช่นเดียวกันคือกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12 MP และมีกล้องหน้าความละเอียด 12 MP เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเซ็นเซอร์ของกล้องหลัก เนื่องจากใน iPhone 13 นั้นใช้เซ็นเซอร์หลักตัวเดียวกับใน iPhone 12 Pro Max คือเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.9 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.7µm ในขณะที่ iPhone 12 นั้นมาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.4µm ซึ่งเรียกได้ว่ากล้องของ iPhone 13 จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า แต่ทว่าในขณะเดียวกันการถ่ายภาพระยะใกล้ก็จะต้องใช้ระยะห่างมากกว่าตามไปด้วย เรียกได้ว่าถ้าเป็นการถ่ายภาพในทุกสภาพแสงแล้ว iPhone 13 จะทำออกมาได้ดรกว่า แต่ถ้าเป็นคนชอบถ่ายภาพระยะใกล้เช่นถ่ายดอกไม้, ใบไม้ ฯลฯ เป็นหลัง iPhone 12 จะได้เปรียบกว่ามากสรุปแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือจะอัพเกรดไป iPhone 13 เลยดีถ้าให้สรุปว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 ต้องบอกเลยว่ายังใช้ได้ดีและยังใช้ได้อีกยาว เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะซื้อมือถือ 1 แล้วต้องขอบอกเลยว่าไม่คุ้ม เนื่องจากเพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ได้ iPhone 13 แล้ว แต่ถ้าเป็น iPhone 12 แบบมือสองที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาทนั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่าเยอะเลยทีเดียว เนื่องจากราคามือ 1 ของ iPhone 12 ในรุ่น 128GB เพิ่มอีกแค่ 2,000 บาทก็จะได้ iPhone 13 แล้ว และไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 12 รุ่น 64GB ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นความจุที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ให้เน้นไปที่รุ่นความจุ 128GB ขึ้นไปจะดีที่สุด สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 13 ดี อยากให้ลองถามตัวเองดูว่าให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพระยะใกล้หรือระยะเวลาใช้งานรวมต่อการชาร์จ 1 ครั้งไหม ถ้าแคร์อย่างใดอย่างหนึ่งมากการไป iPhone 13 เลยจะจบกว่า แต่ถ้าไม่ได้สนใจแค่ต้องการ iPhone รุ่นเรือธงที่รองรับ 5G แล้ว iPhone 12 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะบทความที่เกี่ยวข้อง jQuery(document).ready(function($) {
$.post(‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘wpt_view_count’, id: ‘333202’});
}); jQuery(document).ready(function( $) {
$.post( ‘https://specphone.com/web/wp-admin/admin-ajax.php’, {action: ‘mts_view_count’, id: ‘333202’});
});

OtoFuns

Back to top button